ดร.มานะ เผย ACT เคยท้วงติงการก่อสร้างอาคาร สตง. ล่าช้า ก่อนการขอยกเลิกสัญญาช่วงกลาง ม.ค. 68
วันนี้ (17 เม.ย. 68) ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ ACT กล่าวถึงการตรวจสอบตึก สตง. ที่ถล่มหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ว่าสะท้อนปัญหาหลายอย่างของภาครัฐไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่ได้ยินมานานว่าเต็มไปด้วยปัญหาคอรัปชั่นตั้งแต่กระบวนการเขียน ไปจนถึงโครงการการบริหารสัญญา โดยกรณีของตึก สตง. เราเห็นการทุจริตของกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งหากปล่อยผ่านก็จะเสียโอกาสในการแก้ไข คนจึงสะท้อนใจว่า สตง. เป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบคนทั่วประเทศ พอถึงเวลาตนเองต้องมีจิตสำนึกถึงความเหมาะสมในการใช้เงิน ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างการใช้เงินแผ่นดินให้คุ้มค่าเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการเปิดเผยภาครัฐอย่างไม่โปร่งใส ซึ่งแทบจะไม่มีต้นทุนอะไรเลย เนื่องจากมีระบบสารสนเทศที่ดีอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมทำ จึงเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขต่อไป
ส่วนกรณีที่ สตง. อ้างว่า ตึกดังกล่าวเข้าร่วมโครงการข้อตกลงคุณธรรมของ ACT ด้วย มีใช้มาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันมีตึกที่เข้าร่วม 178 โครงการ มูลค่ารวม 2 ล้านล้านบาท พิสูจน์ให้เห็นว่าเมื่อจบโครงการช่วยให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณได้ 7-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นมาตรการสากลที่มีใช้อยู่ในหลายประเทศทั่วโลก และในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างเขียนไว้ว่าข้อตกลงคุณธรรมจะต้องใช้กับโครงการที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่หลักพันล้านบาทขึ้นไป โดยให้ตัวแทนภาคประชาชนเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์อิสระ เพื่อเฝ้าระวังว่าการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานจริงหรือไม่ เป็นประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือ TOR รวมถึงถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่
ขณะที่โครงการก่อสร้างตึก สตง. มีข้อจำกัด โดยอดีตผู้ว่าฯ แจ้งมาว่าอยากให้ใช้โครงการนี้เป็นข้อพิสูจน์ความโปร่งใสขององค์กร แต่โครงการดังกล่าวก็เข้าร่วมโครงการในปี 2564 ซึ่งการประมูลหาผู้รับเหมา และขั้นตอนการทำ TOR จบลงไปแล้ว
ดร.มานะ ตั้งข้อสังเกตว่าผู้บริหารของ สตง. มีความระมัดระวังในการดำเนินการทุกอย่าง แต่ที่หน้าไซต์งาน ACT ได้แจ้งเสมอว่า การดำเนินงานของผู้รับเหมาล่าช้า หยุดงานเป็นพัก ๆ คนงานน้อยมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานใกล้เสร็จตามสัญญา แม้จะขยายสัญญาไปแล้วถึง 2 ครั้ง โดยการเร่งงานในช่วงระยะท้ายจะทำให้เกิดความเสี่ยงการไม่มาตรฐานการก่อสร้าง สตง. ก็ตอบสนองพยายามยกเลิกสัญญา หากมีการยกเลิกสัญญาจริง กิจการร่วมค้าดังกล่าวจะต้องถูกแบล็คลิสต์ และไม่สามารถรับงานของภาครัฐได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหากพบว่าโครงการข้อตกลงคุณธรรมใดที่ไม่ถูกต้อง จะส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังหน่วยงาน ถ้าหากยังไม่แก้ไขก็จะส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ช. โดยโครงการก่อสร้างที่เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม ทั้ง 178 แห่ง กว่า 70% ให้ความร่วมมือดี ส่วนอีก 30% พบว่าไม่ให้ความร่วมมือ ขณะที่กรณีของตึก สตง. ACT จะได้แจ้งเตือนครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ดร.มานะ กล่าวว่า หลังจาก สตง. ได้เซ็นสัญญา และเข้าร่วมโครงการข้อตกลงคุณธรรม มีการประชุมนัดแรกคือเดือนเมษายน 2564 และหลังจากนั้นก็มีการประชุมต่อเนื่องอย่างน้อยเดือนละครั้ง ซึ่งยังไม่เจอสิ่งผิดปกติที่ส่งผลกระทบในเชิงโครงสร้าง แต่สิ่งที่เราเตือนทุกครั้งคือการก่อสร้างล่าช้าและคนงานที่น้อยเกินไป โดยคนงานจะต้องมีคนมาทำงาน 52 คนตามรายชื่อ ไม่ใช่ 2-3 คนที่เห็นตามหน้างาน แม้จะบอกว่าจัดเวลาการทำงานเป็นกะ แต่ต้องไม่ใช่ทุกครั้งที่เราลงไปตรวจสอบ โดยค่าจ้างผู้ควบคุมงาน เดือนละ 2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับคนหน้างานที่ปรากฏจริง คิดว่าไม่คุ้ม ซึ่งต่อมาก็พบว่าคณะกรรมการรับพัสดุของ สตง. ได้มีมติขอยกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ก็มาเกิดเหตุแผ่นดินไหวและอาคารถล่มเสียก่อน
สำหรับแนวทางการตรวจสอบหลังจากนี้ เมื่อตึกได้พังถล่มลงมาแล้ว โครงการข้อตกลงคุณธรรมก็จบลง โดยผู้สังเกตการณ์ในโครงการนี้ 4 คน คงจะต้องทบทวนว่าที่ผ่านมา ในโครงการดังกล่าวเราผิดพลาดอะไรไปบ้าง ทั้งนี้คดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สืบสวนอยู่ก็มีตัวแทนของ ACT เข้าไปอยู่ในคณะกรรมการนี้เช่นกัน โดยข้อมูลที่ดีที่สุดจะต้องมาจากประชาชน ทั้งเรื่องใช้เงินฟุ่มเฟือย นอมินี หรือการใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ
ดร.มานะ กล่าวต่อถึงแนวทางในการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า กรณีตึก สตง. ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ถูกเปิดเผย โดยเฉพาะกิจการร่วมค้า ที่มีทั้งบริษัทจีนและบริษัทไทย ซึ่งตั้งแต่หลังเกิดเหตุยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากบริษัทไทยเลย กรณีกิจการร่วมค้านี้จึงเป็นบทเรียนของการนำเอาศักยภาพและขีดความสามารถของทั้ง 2 บริษัทมาร่วมมือกันจริง ๆ หรือเป็นการนำบริษัทต่างชาติเข้ามาใช้หัวบริษัทไทยเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย