บช.ปส. แถลงผลทลายเครือข่ายยาเสพติด 100 เครือข่าย ยึดทรัพย์รวมกว่า 105 ล้าน
บช.ปส. แถลงผล ทลายเครือข่ายยาเสพติด 100 เครือข่าย ยึดทรัพย์รวมกว่า 105 ล้านบาท พร้อมรวบระดับผู้สั่งการ “เครือข่ายทะเลหลวง” พบเชื่อมโยง ’กัปตันตุ้ย‘ ที่หนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (4 ม.ค. 67) เวลา 10:00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวผลปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดในช่วงเดือน ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้มีการจับกุมคนร้ายเครือข่ายยาเสพติดพร้อมทั้งยึดทรัพย์สิน เพื่อลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในประเทศไทย ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่ายทลายแก๊งขนยารายใหญ่ทั้งทางบก และน่านน้ำอ่าวไทย พร้อมยึดทรัพย์กว่า 105 ล้านบาท
สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจจับกุมได้ทั้งหมด 4 คดี โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจอำพรางเป็นผู้รับจ้างลำเลียงยาเสพติดไปเจรจา และรับมอบยาเสพติดในหมูุ่บ้าน ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ระหว่างทางพบรถจักรยานยนต์หลายคันขับขี่ตามกันมาเข้าไปในหมู่บ้าน ตะกร้าหน้ารถมีของบรรทุกอยู่ทุกคัน เมื่อคนขับรู้ตัว จึงเร่งเครื่องหนี และทิ้งสิ่งของเอาไว้ข้างทาง จากการตรวจสอบพบยาบ้ากว่า 500,000 เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลางเพื่อสืบสวนขยายผลต่อไป
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.นครพนม เพื่อไปส่งให้ลูกค้าใน จ.สระบุรี โดยใช้รถยนต์กระบะสำหรับนำทางเพื่อเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ และมีรถบรรทุกขนาดกลางสีขาวขับติดตาม กระทั่งตำรวจขอทำการตรวจค้น และจับผู้ต้องหาได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อตรวจสอบท้ายรถบรรทุกพบของกลางยาบ้ากว่า 8 ล้าน 6 แสนเม็ด และเฮโรอีน 225 ก้อน น้ำหนักประมาณ 27 กิโลกรัม ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน และขยายผลไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
คดีที่ 3 วันที่ 18 ธ.ค.2566 ตำรวจ ได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดโดยใช้รถยนต์ ในการลักลอบลำเลียง หลังพบเคลื่อนไหวขับขี่จากพื้นที่กรุงเทพฯ ขึ้นไปยังพื้นที่ภาคเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ และมีการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดนไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ และรถยนต์ยี่ห้อ ฮุนได เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยเฝ้าติดตามจับกุม จนกระทั่ง วันที่ 19 ธ.ค. 66 พบรถยนต์ของผู้ต้องหาทั้งสองคัน วิ่งมาบนถนนหมายเลข 1 มุ่งหน้าเข้าด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ในจังหวัดนครสวรรค์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ประจำด่านให้ทำการตั้งจุดสกัดและตรวจค้น ซึ่งรถฮุนได ได้จอดก่อนถึงจุดตรวจ ชุดจับกุม ที่ติดตามมาจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบนายอดิศักดิ์ เป็นผู้ขับขี่ และตรวจค้นในห้องโดยสาร พบยาบ้า 6,500,000 เม็ด จึงได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และจากการตรวจสอบประวัติยังพบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาเคยมีประวัติถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาเสพติดเมื่อปี 2562
ส่วนคดีที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2566 ตำรวจจับเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ได้ที่ศาลาริมทางบ้านห้วยน้ำเย็น ต.ทรายขาว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ใช้รถยนต์กระบะลำเลียงเคตามีน 851 กิโลกรัม จาก จ.ระนอง เพื่อนำไปส่งให้ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากการสืบสวนทราบว่าเครือข่ายนี้ มีนายอานันท์เป็นผู้สั่งการ และอยู่เบื้องหลัง เชื่อมโยงกับเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติหลายคดี เมื่อขยายผลสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้รวม 4 คน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คดีที่ 4 เกี่ยวข้องกับแก๊งกัปตันตุ้ย นักเดินเรือที่ลักลอบขนยาเสพติดหรือไม่ พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ เปิดเผยว่า เคสนี้เป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายอนันต์ ซึ่งคนสั่งการเป็นคนเดียวกันหมดแต่เมื่อถูกจับกุมก็เปลี่ยนทีมลำเลียงใหม่
ส่วนกัปตันตุ้ยหลังเกิดเหตุได้หนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้ว แต่เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีการตั้งทีมลำเลียงใหม่ ซึ่งตำรวจมีการเฝ้าติดตามอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะตัวกัปตันตุ้ยมีความสำคัญในการลำเลียงทางทะเล และที่ผ่านมามีการลำเลียงไปประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ส่วนเรือที่ใช้ขนส่งตอนนี้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรือเช่า ซึ่งเจ้าของก็กำลังติดตามอยู่เหมือนกัน และตำรวจก็อยู่ระหว่างติดตามเรือด้วยเหมือนกัน
สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ ตำรวจจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและยึดทรัพย์สินรายสำคัญ 4 คดี จับผู้ต้องหารวมทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 16 ล้านเม็ด เฮโรอีน 27 กิโลกรัม และยึดทรัพย์สินเครือข่ายได้ประมาณ 105 ล้านบาท