ธุรกิจในทุกภาคส่วนที่อยู่ในช่วงการปรับตัวหรือเริ่มเข้าสู่ Digital Transformation วันนี้ไม่สามารถรอได้อีกแล้ว จากที่องค์กรให้ความสำคัญในระยะปรับตัวแรกเริ่ม คือ กระบวนการทำงานที่ต้องมีความเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความคล่องตัวในการทำงานและรองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ นำไปสู่การทำงานรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Digital Workplace” จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ รูปแบบของการทำงานจะต้องเป็นพื้นที่ทำงานดิจิทัลที่ช่วยให้พนักงานและองค์กรสามารถสื่อสารและอัพเดทกระบวนการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ผ่านการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาสนับสนุนการทำงานที่ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น นอกจากการทำงานในรูปแบบนี้จะช่วยขับเคลื่อนการทำงานขององค์กรให้มีความคล่องตัวมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะขณะนี้ที่ Work From Home กำลังเกิดขึ้น ดำเนินไป และจะเป็น New Normal องค์กรต้องคำนึงถึงความพร้อมของระบบที่จะเอื้อให้ทีมงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ และต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารดิจิทัลที่วันนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ผลสำรวจ “Digital Revolutionaries Unlock the Potential of the Digital Workplace” จาก Aruba เผยว่า 73% ของพนักงานใน Digital Workplace มองว่า เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยสร้างสัมฤทธิ์ผลเชิงบวกต่อผลการทำงานของตน และ 70% ยืนยันว่าเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้การประสานงานร่วมกัน (collaboration) ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่านอกจากประโยชน์ในเชิงธุรกิจที่องค์กรจะได้รับจากการทำงานแบบ Digital Workplace แล้ว ยังส่งผลดีต่อศักยภาพของพนักงานอีกด้วย ดังนั้นองค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จและขยายขีดความสามารถในยุคนี้จึงควรพิจารณาปรับรูปแบบการทำงานให้มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น เลือกใช้โซลูชั่นที่เหมาะสมเพื่อยกระดับการทำงานให้มีความราบรื่นยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากรูปแบบธุรกิจและขั้นตอนการทำงานในแต่ละแผนก ปัจจุบันกระบวนการทำงานในองค์กรจะมีงานเอกสารเป็นงานพื้นฐานที่หลายแผนกต้องทำร่วมกัน การนำโซลูชั่นดิจิทัลมาสร้าง Digital Workspace จะช่วยสนับสนุนเวิร์คโฟลว์งานเอกสารทั้งในรูปแบบดิจิทัลและกระดาษให้คล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนลงได้ ก็จะทำให้พนักงานสามารถนำเวลาไปใช้ในงานคิดวิเคราะห์ได้มากขึ้น และส่งเสริมการทำงานเป็นทีมที่ทุกคนสามารถอัพเดทงานได้แบบเรียลไทม์เมื่ออยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล
หลายองค์กรมองว่าความปลอดภัยของข้อมูล คือ ความท้าทายสำคัญของการทำงานรูปแบบนี้ จึงยังพึ่งพาการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ อยู่ ข้อมูลจาก ACIS Professional Center เผยว่าการเจาะช่องโหว่เพื่อขโมยข้อมูล (Data Breach) จะเป็นประเด็นความกังวลทางไซเบอร์อันดับต้น ๆ ที่ธุรกิจต้องให้ความสนใจในปี 2020 สาเหตุอาจเกิดได้จากการตั้งค่าบนระบบที่ไม่รัดกุมเพียงพอ รวมไปถึงความผิดพลาดอันเนื่องมาจากตัวบุคคลเอง ซึ่งองค์กรสามารถรับมือกับความกังวลนี้ได้โดยเพิ่มมาตรการควบคุมให้แน่นหนายิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความตระหนักด้านภัยคุกคามและความมั่นคงปลอดภัยให้บุคลากร Digital Workflow คือหนึ่งในกลไกการสื่อสาร ประสานงาน การแชร์ข้อมูลและเอกสารดิจิทัลตามลักษณะการทำงาน ปัจจุบันหลายหน่วยงานมีการปรับปรุงและพัฒนาโซลูชั่นต่าง ๆ ออกมารองรับ Digital Workflow พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของทุกเอกสารสำคัญ และขับเคลื่อนการทำงานเป็นทีมภายใต้สำนักงานดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำด้านซอฟต์แวร์การจัดการเอกสารดิจิทัล ขอเสนอแนวทางพิจารณาเลือกใช้โซลูชั่นบริหารจัดการเอกสารดิจิทัล เพื่อยกระดับการทำงานแบบ Digital Workspace ขององค์กรให้ราบรื่น โดยคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
การบูรณาการระหว่างเทคโนโลยีบริหารจัดการเอกสารดิจิทัลและโซลูชั่นของเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นเข้าด้วยกันผ่านการสร้าง Digital Workspace จะช่วยส่งเสริมให้เวิร์คโฟล์วของงานเอกสารในองค์กรมีความราบรื่นยิ่งขึ้น รองรับรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ในอนาคต และลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ช่วยคุมค่าใช้จ่าย และที่สำคัญสามารถประยุกต์ได้ในหลากหลายสถานการณ์ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจให้เดินเข้าสู่ยุค Digital Transformation ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Send this to a friend
การแจ้งเตือน