PUBLIC HEALTH

พลังของคนตัวเล็กในธุรกิจร้านอาหาร ที่ยังยืนหยัดช่วยกลุ่มเปราะบาง แม้จะไม่ได้รับการดูแล

“ตราบเท่าที่ยังไหว ผมจะพยายามช่วยดูแลให้ได้มากที่สุด เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าจะนิ่งเฉย” สตีฟ – สรเทพ โรจน์พจนารัช เจ้าของร้านอาหาร สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ

ตั้งแต่การระบาดระลอกแรก สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน มีโครงการช่วยเหลือชุมชน สังคม และผู้เดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในการแพร่ระบาดระลอกแรก เขาส่งอาหารไปดูแลบุคลากรทางการแพทย์ และด่านหน้าที่ช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยวันละ 100-200 กล่องเป็นประจำ และเริ่มขยายออกไปยังกลุ่มต่างๆ ในระลอกต่อๆ มา จนถึงระลอกล่าสุดที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก เขาเพิ่มจำนวนการแจกถึงวันละ 300 – 400 กล่อง!

ตั้งแต่แคมป์คนงานขนาดเล็กที่ถูกปิดและไม่สามารถออกไปที่ไหนได้ ที่ติดต่อมาขอความช่วยเหลือเพราะมีเด็กเล็กจำนวนมากในแคมป์ที่ต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานานและกำลังจะหมด ชุมชนแออัดที่มีการติดเชื้อในชุมชนจำนวนมาก ไม่สามารถออกไปที่ไหนได้ และไม่มีอาหารรับประทาน ไปจนถึงโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย ที่ได้รับการติดต่อมาจากผู้ที่ต้องอยู่ภายในนั้นว่ามีอาหารไม่เพียงพอกับจำนวนคน

หนักที่สุดตั้งแต่เจอมา

ระลอกนี้หนักหนามาก ทุกคนเดือดร้อน คนที่เคยมี และสามารถช่วยเหลือได้ก็ลดน้อยลงเพราะต่างก็ลำบากเหมือนกันหมด มีผู้ให้ความช่วยเหลือ และแจกข้าวกล่องน้อยลงกว่าระลอกที่ผ่านๆ มามาก ในขณะเดียวกัน กลับมีกลุ่มเปราะบาง และมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น หลายๆ กลุ่มต้องแยกกักตัวที่บ้าน หลายๆ คนติดเชื้อกันทั้งบ้านไม่สามารถออกไปไหนได้ และไม่มีรายได้ คนเฒ่าคนแก่ที่ติดเชื้อ และไม่มีผู้ดูแล แม้แต่พระสงฆ์ที่ต้องเลือกว่าจะฉันเช้า หรือเพล เพราะมีอาหารจำกัด หรือกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ขาดรายได้ หรือรายได้ลดลงจนเดือดร้อน

สตีฟ เล่าว่าทุกครั้งที่เขาแจกอาหารกล่อง จะได้เห็นผู้คนมากมายที่อาหารกล่องนึง ช่วยต่อชีวิตไปได้อีกวัน ได้เห็นความงดงามของน้ำใจคนไทย อย่างการให้คุณตา คุณยาย ผู้สูงอายุ มาอยู่ด้านหน้าแถวเพื่อรับอาหารก่อนโดยไม่ต้องรอนาน เข้าใจความลำบากของคนที่ยังพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด อย่างคนขับรถร่วมบริการ ที่จอดรถวิ่งลงมาขอรับข้าวกล่องไปรับประทาน แท็กซี่ที่พาครอบครัวมารับอาหารกล่องเพราะรายได้หายไปเกินครึ่ง และมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแล

คนเราถ้าไม่ลำบากจริงๆ เขาจะไม่ขอความช่วยเหลือ แต่ละเคสที่ขอความช่วยเหลือเข้ามา ทำให้เราไม่สามารถตัดใจมองผ่านไปได้จริงๆ ชุมชนที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก มีผู้กักตัวที่บ้าน และในชุมชนมากมายที่ความช่วยเหลือยังเข้าไม่ถึง ไม่มีอาหารรับประทาน ชุมชนแออัดที่มีการแพร่ระบาด ผมพยายามช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ และยังโชคดีที่มีกัลยาณมิตรที่เห็นสิ่งที่เราทำ และร่วมกันสนับสนุน ผ่านการสั่งอาหารกล่องเพื่อให้เรานำไปแจกเพิ่มเติม” สตีฟ เล่า

เตรียมเปิดโครงการใหม่ช่วยผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางที่อยู่บ้าน

ในเดือนกันยายนนี้ สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน กำลังจะเริ่มโครงการใหม่ #Saveผู้ป่วยโควิดที่อยู่บ้าน Home Isolation ที่ถูกทอดทิ้ง ขาดอาหาร โดยจะขอให้สิทธิกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่บ้านแต่ขาดคนดูแล อยู่คนเดียว อายุเกิน 60 หรือ เป็นเด็ก เป็นผู้พิการก่อน โดยจะดูแลจัดส่งอาหารให้ฟรี 3 มื้อ 7 วัน วันละ 30 คน ที่อยู่ในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตรจากร้านสตีฟฯ สาขาพระรามหก ระหว่างวันที่ 1 – 30 กันยายน 2564 โดยผู้ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ 092-272-0191

เราไม่ได้ส่งเพียงอาหารเพื่อให้เขาอิ่มท้อง แต่เราอยากส่งอาหารใจ เป็นกำลังใจให้พวกเขารู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนที่ห่วงใย และช่วยดูแลเขาอยู่

สตีฟ – สรเทพ

“เราเลือกจัดทำอาหารที่ไม่มีของทอดของมัน และถูกหลักโภชนาการเพื่อไม่ให้กระทบกับอาการป่วย และส่งกำลังใจผ่านข้อความเล็กๆ ที่เราจะติดไปกับทุกกล่องอาหาร เช่น แกว่งแขน 20 ครั้งก่อนเปิดรับประทาน หรือ ยิ้มหรือยังวันนี้ ฯลฯ เพื่อเติมกำลังใจเล็กๆ และกระตุ้นให้เขาขยับร่างกายบ้าง ด้วยความหวังจะสร้างรอยยิ้มให้กับเขา” สตีฟ เล่า

เขายังเล่าเพิ่มเติมว่า ช่วงแรกยังเป็นห่วงเรื่องโลจิสติก และการส่งอาหาร แต่โชคดีได้รับการสนับสนุนจาก Skootar ซึ่งยินดีจะดูแลเรื่องการจัดส่งอาหารไปถึงมือกลุ่ม #Saveผู้ป่วยโควิดที่อยู่บ้าน โดยไม่คิดมูลค่า เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ และอยากจะสนับสนุนให้คนเล็กคนน้อยช่วยกัน ช่วยสังคมให้ได้มากที่สุด

“ผมรักคนไทย” สตีฟ กล่าว “ทุกคนมีน้ำใจต่อกัน มีคนมากมายที่ออกมาช่วยกัน สร้างโครงการต่างๆ ออกมาเพื่อช่วยคนที่เราไม่ได้รู้จักมาก่อนด้วยความบริสุทธิ์ใจ และถ้าทุกคนทำแบบนี้ เราจะสามารถประคับประคองกันให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้”

อนาคตธุรกิจร้านอาหาร

เมื่อถามถึงอนาคตของธุรกิจร้านอาหาร สตีฟให้ความคิดเห็นว่า ร้านอาหารต่างประสบปัญหากันมาตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน แต่ในระลอกล่าสุดนี้เรียกว่าหนักที่สุด หลายๆ ร้านต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถเดินต่อได้แล้วจริงๆ บางร้านเลือกที่จะหยุดไว้ก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ แต่หลายๆ ร้านที่ ‘ยังพอกัดฟันไหว’ เจ้าของก็เลือกที่จะยังแบกทุกอย่างเอาไว้ และยังดูแลลูกน้อง เพราะรู้ว่าถ้าปิดไปเขาเหล่านั้นจะเคว้งคว้างไม่มีทางไปในทันที

“สตีฟฯ เองก็หนัก ก่อนหน้านี้จากที่มีเงินเก็บ ตัวผมเองเพื่อพยุงธุรกิจ ต้องนำรถยนต์ส่วนตัวไปขาย และต้องกู้ยืมเงินมาหมุนเวียน จนเป็นหนี้อยู่หลัก 20 ล้านบาท แต่ก็ยังสู้ต่อ และปรับตัวทุกวิถีทางเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ เราปฏิบัติตามมาตรการที่ภาครัฐออกมาทุกอย่าง ให้เพิ่มมาตรการ ให้จัดร้านแบบไหนเราก็ทำ ให้ปิดเราก็ปิด ให้ขายได้เฉพาะผ่าน Food Delivery เราก็ทำ แต่เราทุกคนในธุรกิจร้านอาหารก็อยากได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากภาครัฐด้วยเช่นกัน”

สตีฟ กล่าว
ร้านสตีฟฯ ที่เคยมีผู้คนที่หลงใหลอาหารไทยแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน

“ผมเคยส่งจดหมายเปิดผนึกเพื่อขอให้ภาครัฐพิจารณาความช่วยเหลือด้านต่างๆ กับร้านอาหาร เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และผมคาดว่าแม้ในเดือนกันยายนนี้ จะมีการคลายล็อกดาวน์เพื่อให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ ก็จะมีผู้กลับมาเปิดร้านไม่มากนัก เพราะการเปิดเต็มรูปแบบเพื่อรับลูกค้าได้เพียงครึ่งเดียว และต้องเพิ่มมาตรการต่างๆ รวมถึงการฉีดวัคซีน หรือการตรวจโดย ATK พนักงานทุกคนต่อเนื่อง เมื่อประเมินแล้วรายได้อาจจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ทำให้เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะรอสถานการณ์ดีขึ้นเพื่อกลับมาเปิดเต็มรูปแบบทีเดียว” สตีฟ กล่าว

ข้อเสนอหลักต่อภาครัฐที่สตีฟ มองว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยธุรกิจร้านอาหารได้อย่างแท้จริง ประกอบด้วย

  • การสนับสนุนและปลดล็อกข้อกำหนดต่างๆ เพื่อให้ร้านอาหารสามารถกู้เงิน ดอกเบี้ยต่ำ มาหล่อเลี้ยงธุรกิจ และดูแลลูกน้องได้
  • การลดค่าไฟฟ้าให้กับธุรกิจร้านอาหารอย่างน้อย 30% เพื่อลด Operation Cost ของร้านอาหาร การลดราคาบางส่วนในปัจจุบันแทบจะไม่ได้ช่วยร้านอาหารได้เลย
  • การจัดสรรวัคซีนที่เพียงพอสำหรับพนักงาน “ทุกคน” ในร้านอาหารโดยไม่เลือกสัญชาติ เนื่องจากในปัจจุบันมีแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในร้านอาหารจำนวนมาก และเป็นกำลังสำคัญในธุรกิจ แต่คนเหล่านี้กลับไม่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนได้ และหากพวกเขาติดเชื้อโควิด-19 วงจรการแพร่ระบาดก็จะไม่จบสิ้น
สตีฟ-สรเทพ เจ้าของร้าน

“เจ้าของธุรกิจร้านอาหารแบกจนหลังแอ่นมาเกือบ 2 ปีแล้ว และคาดกันว่ายังคงไม่ฟื้นตัวไปอีกอย่างน้อย 2 ปี ร้านอาหารซึ่งส่วนใหญ่เป็น Nano หรือ Micro SMEs อาจจะยืนระยะไม่ถึง ซึ่งก็ส่งผลกระทบไปยัง supply chain ลูกจ้าง คนงาน ทั้งระบบ จึงอยากให้ผู้มีอำนาจออกมาตรการต่างๆ มาเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนธุรกิจร้านอาหารบ้าง และอยากให้พิจารณาดูแลกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือที่อยู่ในสังคม เป็นพิเศษ นอกเหนือจากที่เราต้องช่วยกันเอง” สตีฟ ย้ำ

สำหรับ สตีฟ คาเฟ่ แอนด์ ครุยซีน มีทั้งหมด 3 สาขา คือ สาขาเทเวศร์ สาขาพระราม6 และสาขาผ่านฟ้า ปัจจุบัน เปิดให้บริการแบบดิลิเวอรี ผ่านการแอดไลน์ของร้านทั้ง 3 สาขา @stevecafedhevet @stevecaferama6 และ @stevecafephanfa หรือผ่านฟู้ดดิเลเวอรี อย่าง Robinhood

อาหารของร้านสตีฟฯ ปัจจุบันจำหน่ายทางดิลิเวอรี ครบ 500 บาทส่งฟรีระยะ 5 กม.

ผู้สนใจขอรับความช่วยเหลือตามโครงการ #Saveผู้ป่วยโควิดที่อยู่บ้าน Home Isolation ที่ถูกทอดทิ้ง ขาดอาหาร ติดต่อที่ 092-272-0191

Related Posts

Send this to a friend