KNOWLEDGE

มอบหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ ปลูกฝังเด็กรักการอ่าน เรียนรู้ชีวิตผ่านหนังสือที่เลือก

สอดแทรกการอ่านให้เด็กแบบเนียนๆอย่างนี้ก็ได้น่ะ สำหรับการ “มอบหนังสือ” เป็นของขวัญปีใหม่ ให้ลูกหลาน ส่วนหนึ่งเพื่อปลูกฝังการอ่านให้เด็กไทย ที่ปัจจุบันอ่านหนังสือน้อยลง เพราะติดมือถือมากขึ้น หรือแม้แต่ญาติผู้ใหญ่ของเราที่ชื่นชอบการอ่าน การให้หนังสือก็ช่วยสร้างความเพลิดเพลิน และเต็มความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดให้แก่ท่าน และอย่าลืมว่าตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ก็เริ่มที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้ฟังขณะตั้งท้อง 9 เดือน กระทั่งคนวัยเกษียณที่มีเวลาว่างอยู่บ้านมากขึ้น การอ่านจึงเป็นสิ่งที่ช่วยคลายเครียดคลายเหงา ขณะเดียวกันก็ช่วยเติมความรู้ให้ผู้สูงวัยได้ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สามารถเรียนกันได้ตลอด ประการสำคัญช่วงสิ้นปี มีหนังสือลดราคาให้เลือกจับจ่าย และยังเลือกการห่อที่สวยงามแบบไหนก็ได้ เพื่อให้ผู้รับประทับใจจนร้องว้าว

อ.สุจิตร สุวภาพ

The Reporters ได้สอบถามไปยัง “อ.สุจิตร สุวภาพ” เลขานุการ สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับผู้รับในแต่ละช่วงวัยทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ไว้น่าสนใจ โดยเฉพาะหนังสือสำหรับคุณตาคุณยาย เทรนด์ใหม่เกาะกล่อง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสายตาโดยเฉพาะ เนื่องจากหนังสือเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งจะติดตัวผู้อ่านไปตลอด

อ.สุจิตร ให้ข้อมูลว่า “ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อเรามอบหนังสือเป็นของขวัญให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหน เพราะหนังสือจะทำให้ผู้อ่านมีความรู้ติดตัว อย่าลืมว่าของขวัญอย่างนั่น เมื่อให้แล้วผู้รับอาจจะใช้ หรือรับประทานไปจนหมดสิ้น ตามอายุการใช้งานของของขวัญสิ่งนั้น แต่หนังสือยิ่งให้ยิ่งเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้อ่าน ดังนั้นเราจึงควรส่งเสริมการอ่านให้กับคนทุกเพศทุกวัย เพราะอย่าลืมว่าการอ่านหนังสือกับมนุษย์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน เพราะขณะที่ตั้งครรภ์ พ่อแม่หลายคนก็มักจะอ่านหนังสือให้ลูกในครรภ์ฟัง ดังนั้นความรู้จึงเกิดกับเด็กๆตั้งแต่พวกเขาอยู่ในท้องแม่ก็ว่าได้ ดังนั้นคนที่อ่านหนังสือจึงไม่ใช่คนที่เชย กลับกันพวกเขาเป็นคนที่ดูดีในสายตาผู้อื่น โดยเฉพาะความคิดที่โตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน รวมถึงความเฉลียวฉลาดรอบรู้ในเรื่องต่างๆ นั่นจะทำให้เด็กสามารถเอาตัวรอดได้จากทุกสถานการณ์ ผ่านการอ่านหนังสือ

“ส่วนหนังสือที่ควรเลือกให้เหมาะกับช่วง “วัยเด็กเล็ก” แนะนำว่าควรเป็นหนังสือสไตล์ EF หรือหนังสือพัฒนาทักษะทางสมอง ซึ่งหนังสือประเภทนี้ จะได้รับการการันตีจากผู้ทรงคุณวุฒิ ในการประเมินและคัดเลือก แล้วว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยเสริมสร้าง การเรียนรู้และการจดจำของสมอง ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่จะเลือกหนังสือนิทานให้ลูก ให้ดูที่ด้านหนังสือว่ามีคำว่า “EF” หรือไม่ ซึ่งเป็นการการันตีคุณภาพ ถ้ามีก็สามารถเลือกให้ลูกน้อยอ่านเล่นได้ เช่น หนังสือนิทานที่ระบุชัดเจนว่าช่วยพัฒนาสมองเด็ก ที่มีภาพสวยงาม และคำบรรยายที่เข้าใจง่าย เช่น “นิทานเรื่องล้างจานเองเก่งจัง” หรือ “ขอบ้านสะอาดๆคืนแม่ด้วยจ้ะ” เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เด็กที่อ่านเรียนรู้การใช้ชีวิต และรู้จักการลงมือช่วยตัวเอง ผ่านการทำงานช่วยแม่”

สำหรับ “หนังสือเด็กโต” แนะนำว่าควรเป็นหนังสือ ที่ได้รับรางวัลจากการประกวด หรือ “บุ๊คอวอร์ด” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น นวนิยาย หรือหนังสือแนวท่องเที่ยวต่างๆ เนื่องจากหนังสือสไตล์นี้ จะมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้คัดเลือก และการรันตีว่ามีเนื้อหาที่เหมาะสม และน่าอ่านน่าติดตาม ที่สำคัญเป็นหนังสือที่มีคุณภาพ เช่น เรื่องสั้นที่ชนะจากการประกวดรางวัลซีไรท์ หนังสือที่ชนะการประกวดจากรางวัลแว่นแก้ว หรือหนังสือนิยาย ที่ชนะการประกวดจากรางวัลชมนาดต่างๆ ทั้งนี้ขอยกตัวอย่าง “นิยายเรื่องโถงสีเทา” (หนังสือดีเด่นจากสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ) ที่สะท้อนแง่คิดการใช้ชีวิตในการเอาชนะโรคร้าย ซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ว่าเขาได้ผ่านความทุกข์อะไรมาบ้าง และใช้วิธีไหนในการเยียวยาจิตใจตัวเอง ดังนั้นหากน้องๆวัยรุ่นได้อ่านนิยายเรื่องนี้ ก็จะได้แง่คิดในการใช้ชีวิต เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตท่ามกลางการป่วยโรคร้าย และใช้กำลังใจแบบไหนในการต่อสู้กับโรค เมื่ออ่านแล้วเด็กๆจะได้เห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับเด็กวัยรุ่น ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ส่วน “หนังสือสำหรับผู้สูงวัย” ปัจจุบันเริ่มมีหนังสือสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ พึ่งเริ่มเปิดตัวได้ไม่กี่ปี ซึ่งสไตล์ของหนังสือจะมีจุดเด่น คือมีลักษณะของตัวหนังสือที่โต เพื่อให้ผู้สูงอายุอ่านง่าย และมีภาพบรรยายขนาดใหญ่ เพื่อให้เข้าใจง่ายเช่นกัน ที่สำคัญไซส์ของหนังสือมีขนาดใหญ่กว่าหนังสือปกติทั่วไป ทำให้ผู้สูงวัยหยิบถืออ่านได้ง่าย อาทิ หนังสือบทสวดมนต์แปล และหนังสือเกี่ยวกับฤกษ์งามยามดีรับปี 2566 ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

“สำหรับคนที่มองว่าการอ่านหนังสือเล่ม เป็นเรื่องเชยนั้น อันที่จริงแล้วการอ่านหนังสือทุกชนิด ไม่ใช่เรื่องเชยและไม่ใช่เต่าล้านปี แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กๆที่อ่านหนังสือ ดูเป็นคนสมาร์ทและเป็นคนเท่ที่ทันสมัย จากความรู้และประสบการณ์ ของสารพัดผู้เขียน ที่ได้ถ่ายทอดมาให้เราอ่าน มันจะทำให้เราเป็นคนที่ทันคนทันยุค รู้จักเอาตัวรอดได้ ที่สำคัญรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือรู้จักแคร์ความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างตัวเรา ทำให้เด็กๆรู้จักการปรับตัว เพื่อเข้ากับผู้อื่นได้ผ่านโลกของการอ่านได้ ที่สำคัญความรู้จะติดตัวเด็กๆไปทุกทีค่ะ

ส่วนเรื่องการอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรือ E-book ที่กำลังจะเข้ามาแทนที่หนังสือเล่มนั้น โดยส่วนตัวแล้ว ในฐานะที่เป็นคนทำงานเกี่ยวกับห้องสมุดนั้น คิดว่าถ้าเด็กรุ่นใหม่จะเลือกอ่านหนังสือในรูปแบบใด ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว พูดง่ายๆว่าดีกว่าเด็กไม่อ่านหนังสือ แต่สิ่งสำคัญนั่นอยู่ที่ว่า เมื่อเด็กอ่านแล้วได้อะไรจากการอ่านบ้าง และจะนำไปใช้อย่างไร เมื่อตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าค่ะ”

Related Posts

Send this to a friend