CRIME

‘สมศักดิ์’ ปลื้ม ‘ชูวิทย์’ ช่วยแจ้งเบาะแสคดียาเสพติดเตรียมแบ่ง 5% จากการยึดทรัพย์

‘สมศักดิ์’ ประชุมหารือแนวทางบูรณาการยึดทรัพย์คดียาเสพติด ปลื้ม ‘ชูวิทย์’ ช่วยแจ้งเบาะแส เตรียมแบ่ง 5% จากการยึดทรัพย์หลังคดีจบ

วันนี้ (8 ธ.ค. 65) เวลา 09:30 น. ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ “สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด” (ป.ป.ส.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมประชุมหารือแนวทางบูรณาการยึดอายัดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการหารือเกี่ยวกับแนวทางการยึดทรัพย์สินทดแทน และการยึดทรัพย์สินตามมูลค่า ที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดกำหนดให้เป็นแนวทางสำคัญในการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ให้มีประสิทธิภาพ

สำหรับรูปแบบของการดำเนินการ แบ่งเป็นการยึดทรัพย์ทั้งหมด 3 แบบ คือ การยึดแบบจงเจาะ, การยึดแบบทดแทน และการยึดตามมูลค่า โดยรูปแบบของการยึดแบบเจาะจง และรูปแบบของการยึดตามมูลค่า ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ครอบคลุม จึงจำเป็นต้องให้กรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน มีอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดี และกำกับดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ ปปส. ซึ่งจะมีรูปแบบของการทำงาน ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ถึงเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินขบวนการค้ายาเสพติดในปี พ.ศ. 2566 ให้ได้ 100,000 ล้านบาทตามที่ตั้งเป้าหมาย

ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีผู้แทนจากทั้ง 11 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส) รวมทั้งสิ้น 68 ราย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประมวลกฏหมายยาเสพติดฉบับใหม่ที่ออกมาล่าสุด เน้นการยึดอายัดทรัพย์ เพื่อตัดวงจรของยาเสพติด โดยในปีนี้ตั้งเป้า อายัดยึดทรัพย์ผู้ต้องหาคดียาเสพติดให้ได้ 100,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับตัวเลขการผลิต และจำหน่ายยาเสพติดถือว่ายอดการยึดอายัดทรัพย์สินน้อยกว่ามาก โดยในปี2565 สามารถยึดทรัพย์ได้ 11,000 ล้านบาท จากเดิม 900 ล้านบาท ขณะที่เรียบร้อยงบบูรณาการสูงถึง 7,000 ล้านบาท ซึ่งตนเองมองว่าในปีหน้าจะต้องมีตัวเลขการอายัดยึดทรัพย์ขึ้นเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว โดยผลการปฎิบัติงานการเข้ายึดยาเสพติด สามารถออกเป็นยาเสพติดประเภทต่างๆ ได้ดังนี้

ยาม้า 616,984,246 เม็ด
ยาไอซ์ 19,382.95 กิโลกรัม
เฮโรอีน 45,516.42 กิโลกรัม

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีการแจ้งเบาะแสทรัพย์สินหรือเกี่ยวกับคดียาเสพติด ในขณะนี้ก็จะมีการทำระบบคุ้มครองตัวบุคคลที่แจ้งเบาะแส ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง และเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่มีการแจ้งเบาะแสในคดียาเสพติด พร้อมกล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจที่นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด และช่วยเจ้าหน้าที่อย่างเป็นกลาง ซึ่งหากคดีนี้ถึงที่สิ้นสุด และมีการยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาแล้ว จะได้ค่าตอบแทนนำจับจากการยึดอายัดทรัพย์สิน 5% เช่น หากยึดอายัดทรัพย์สินผู้ต้องหาได้ 2,000 ล้านบาท ก็จะได้รางวัลนำจับ 100 ล้านบาท รวมถึงอยากให้ประชาชนทุกคน ช่วยกันแจ้งเบาะแส และช่วยกันเป็นหูเป็นตาออกมาพูดถึงเรื่องยาเสพติด ซึ่งหวังว่าหลังจากการเลือกตั้ง จะมีคนอื่นช่วยแจ้งเบาะแสเยอะขึ้น

Related Posts

Send this to a friend