FEATURE

งานจิตอาสาผู้สูงอายุ พลังขับเคลื่อนสังคมและชุมชน ด้วยแนวคิดดูแลเกื้อกูล

เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง ด้วยงานจิตอาสากันดีกว่า เพราะนอกจากกระตุ้นให้ผู้สูงวัย ได้เคลื่อนไหวร่างกายแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนวัยเดียวกันมารวมตัวกัน ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งก่อให้เกิดการยอมรับและการชื่นชมในสังคม นำมาซึ่งความปรีติในใจ ที่สำคัญยังช่วยลดอคติแห่งวัยให้หมดไป จากคนวัยเกษียณที่อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ปัจจุบันผู้สูงอายุหลายคน ได้ออกมารวมตัวกันทำงานเพื่อสังคม หรือช่วยเหลือคนในชุมชนได้อย่างกลมกลืน เพราะอย่าลืมว่าการที่ผู้สูงวัยอยู่บ้านเพียงลำพัง และไม่ยอมเข้าสังคม ไม่เพียงทำให้ร่างกายเกิดความเหี่ยวเฉา และอาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้า ที่สำคัญเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมเร็วขึ้นอีกด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้

The Reporters ได้สอบถามไปยัง “ศิริวรรณ อรุณทิพย์ไพฑูรย์” รองประธานกรรมการ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานจิตอาสาที่เหมาะกับผู้สูงวัย ที่ช่วยเติมพลังกายและพลังใจให้คนวัยเกษียณเกิดความภาคภูมิใจ ที่สำคัญได้ทำกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ แก่ชุมชนและสังคม ในระแหวกที่อาศัยอยู่ ด้วยการช่วยเหลือพึ่งพากันและกัน ภายใต้แนวคิดของงานจิตอาสา ที่สามารถครีเอทได้ทุกอย่าง ที่อยากทำเพื่อผู้อื่น ทั้งในรูปแบบของออนไลน์และออนไซต์

ศิริวรรณ กล่าวว่า “งานจิตอาสาทั่วไปนั้น ถือได้ว่าเป็นงานบำเพ็ญ สาธารณะประโยชน์เพื่อผู้อื่น เช่น ตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่เรามักจะเห็น “คุณตาคุณยายไปร้องเพลง” ให้กับผู้ป่วยที่ไปหาหมอฟังขณะนั่งรอตรวจ ทั้งนี้เพื่อฆ่าเวลาให้กับคนไข้ที่รอฟังผลเอ็กเรย์ หรือเจาะเลือด ทั้งนี้เพลงที่ไปร้องนั้นก็จะเป็นเพลงสุนทราภรณ์ หรือคนวัยเกษียณท่านไหน ที่สามารถร้องเพลงจีน หรือเพลงฝรั่งได้ก็มักจะทำงานจิตอาสาดังกล่าว ซึ่งเราก็จะเห็นงานจิตอาสาของผู้สูงวัย ในรูปแบบนี้ตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะคนที่มีความพร้อม และยากทำเพื่อคนอื่น หรือ คนสูงวัยบางคนที่มีทักษะด้านดนตรี เช่น สามารถเล่นเปียโน หรือเป่าแซกโซโฟนได้ ก็จะไปโชว์การเล่นดนตรีให้ผู้ที่มาหาหมอฟัง ก็จะช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลในการมาพบแพทย์ลงได้”

“หรือผู้สูงวัยคนไหนที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการตัดผม ก็สามารถทำงาน “จิตอาสาตัดผมตัดเล็บให้กับผู้ป่วย” ตามโรงพยาบาลได้เช่นกัน ที่สำคัญเป็นงานบำเพ็ญประโยชน์ ที่สามารถทำคนเดียวกันได้ขอเพียงแค่มีปัตตาเลี่ยนตัดผมอันเดียว ก็สามารถเป็นศิลปินเดี่ยว ช่วยเหลือผู้อื่นได้แล้ว หรือท่านไหนที่มีความชำนาญ เกี่ยวกับการเป็นช่างมาก่อน อาทิ ช่างไม้ ช่างไฟ ก็สามารถเป็น “จิตอาสาซ่อมไฟให้กับศูนย์ผู้สูงอายุในชุมชน” และหากเพื่อนบ้านในชุมชน ที่บันไดบ้านหักหรือชำรุด ท่านก็สามารถไปช่วยซ่อมบันได เพราะคนแก่มักจะทำเองไม่ได้ หรือ “จิตอาสาช่วยป้อนน้ำป้อนยา” ให้กับผู้สูงอายุในชุมชนที่ป่วยติดเตียงได้ หรือคอยไปดูแลเรื่องอาหารการกิน เช่น ในข้าวมีมดตอมหรือไม่ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ตำรวจบ้าน” ที่คอยดูแลเฝ้าระวังในหมู่บ้านของตัวเอง โดยเฉพาะหากครัวเรือนไหน ที่อยู่กัน 2 ตายายและมีอายุมากด้วยกันทั้งคู่ และมีปัญหาสุขภาพที่สื่อสารกันไม่ได้ยิน”

“หรือแม้แต่ “จิตอาสาพาหาหมอ” ที่เกิดจากการรู้สึกเอ็นดูเพื่อนบ้าน ที่บางคนอาจป่วยอัมพาตครึ่งซีก และไม่สามารถพาตัวเองไปหาหมอได้ อีกทั้งลูกหลานทำงานอยู่กทม.หรืออยู่กันคนละจังหวัด ก็สามารถทำได้หมด หรือแม้แต่พาเพื่อนบ้านไปพบแพทย์เจาะเลือด เช่น ในบางชุมชนที่ต่อรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้าง เพื่อนำผู้สูงอายุไปเจาะเลือดที่ รพสต.ใกล้บ้าน ก็ทำได้อีกเช่นกันหากว่าเรามีจิตกุศล ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนคนวัยเกษียณท่านใด ที่ชอบการเข้าวัดทำบุญเป็นประจำอยู่แล้ว สามารถรวมตัวกันทำความสะอาดวัด เช่น “จิตอาสากวาดลานวัด” โดยการหมุนเวียนสลับกันไปเรื่อยๆ โดยเริ่มวัดที่อยู่ใกล้ชุมชนก่อน”

แปลงทักษะความชำนาญในตัวผู้สูงวัย สู่กูรูเทรนด์เนอร์ ส่งต่อความรู้ให้คนรุ่นหลัง

อย่าลืมว่าหลักสำคัญของงานจิตอาสา คือการทำอะไรก็ได้เพื่อผู้อื่น อีกทั้งเมื่อทำแล้วผู้ให้รู้สึกดี และผู้รับก็รู้สึกชื่นใจ ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้น เพราะความใจรักที่จะช่วยเหลือคนรอบข้าง โดยเฉพาะผู้สูงวัยบางคนที่ทักษะความชำนาญติดตัว เช่น การที่เคยเป็นครูสอบภาษาอังกฤษ สามารถนำทักษะดังกล่าวมาช่วยงานแปลภาษาให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือเป็น “จิตอาสาสอนหนังสือให้กับเด็กในชุมชน” หรือหากท่านใดมีความรู้ เกี่ยวกับการนวดแผนไทย ก็สามารถเป็น “จิตอาสาสอนนวดแผนไทย” ให้กับผู้สนใจ เพราะงานจิตอาสานี้สามารถสร้างอาชีพให้ผู้อื่นได้ ที่สำคัญยังทำให้ภูมิปัญญาเรื่องการนวดแผนไทยไม่หายไป หรือ “จิตสาอาสอนเต้นรำ” โดยเฉพาะคนหลัก 6 ที่มีประสบการณ์เป็นครูสอนเต้นรำมาก่อน ที่สำคัญการเต้นรำ เช่น เต้นลีลาศ อันที่จริงแล้วไม่เรื่องยาก และผู้เรียนก็สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมนี้ อีกทั้งทำให้ผู้มาเรียนและครูผู้สอน จะได้ออกกำลังกายด้วยการเต้นรำ ถือว่าเป็นงานจิตอาสาที่ส่งเสริมสุขภาพกายและใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับไปในคราวเดียวกัน

“นอกจากกิจกรรมจิตอาสา ที่เป็นงานออนไซต์ที่กล่าวมา ซึ่งต้องมีจัดกลุ่มเพื่อให้ความรู้หมุนเวียน นอกสถานที่กันแล้ว งานบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้กับผู้อื่น ในรูปแบบของงานออนไลน์ ก็เป็นสิ่งที่คนวัยเกษียณสามารถถ่ายทอดความรู้และสิ่งดีๆให้กับสังคม และคนรอบข้างได้เช่นกัน เช่น หากว่าผู้สูงวัยท่านนั้นเป็นคุณหมอจิตแพทย์ หรือ นักสังคมสงเคราะห์มาก่อน สามารถใช้ความรู้ในเรื่องดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือคนในแง่ของการให้กำลังใจ เพื่อลดความทุกข์ หรือแม้แต่เคล็ดลับในการออกกำลังกาย หรือ การดูแลสุขภาพเพื่อให้มีอายุยืนยาวฯลฯ ในรูปแบบการเขียนสกู๊ป หรือบทความเกี่ยวกับสุขภาพ ลงในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ ก็ถือว่าเป็น “งานจิตอาสาเติมพลังกายและใจ” ให้กับผู้ที่กำลังมีปัญหา หรือความเครียดความเศร้า จากการใช้ชีวิตได้เช่นกัน เพราะความรู้ที่ถ่ายทอดจากผู้มีประสบการณ์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ตรงในการทำงาน จึงทำให้เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่กำลังท้อแท้ หรือเจ็บป่วยได้ค่อนข้างดี ทั้งนี้เพื่อให้นำไปปรับใช้ในชีวิตได้”

คนวัยเกษียณทำงานจิตอาสา เสริมสร้างร่างกายแข็งแรง-จิตใจผ่องใส-ได้เพื่อนได้สังคม ?

“ผู้สูงอายุทำงานจิตอาสาแล้วได้อะไรนั้น แน่นอนว่าการที่คุณตาคุณยาย ออกไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์นั้น เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันสมองไม่ให้เสื่อมเร็วได้ เพราะสมองของคนเรา เมื่ออายุมากความจำจะค่อยๆลดลง ดังนั้นถ้าเราได้ออกไปพูดคุยกับคนอื่น ได้แลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน จะทำให้สมองได้คิดวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา ต่างจากการที่ผู้สูงอายุนั่งอยู่บ้านและนอนดูทีวี เพราะเมื่อใดที่เราไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่เพียงทำให้ร่างกายของเราเหี่ยวเฉาลง แต่ความทรงจำก็จะค่อยๆลดน้อยลงเช่นกัน จึงที่เป็นมาของโรคอัลไซเมอร์ และโรคความจำเสื่อมนั่นเอง”

“แต่เมื่อไรที่คุณตาคุณยาย เดินออกจากบ้านไปคุยกับเพื่อนบ้าน หรือไปบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ก็ตาม ร่างกายก็จะได้เคลื่อนไหว อีกทั้งทำให้ได้ใช้สายตาในการมองสิ่งรอบตัว ใช้สมองในการคิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆระหว่าง เช่น วันนี้ที่เดินออกไปข้างนอก ท่านจะเห็นดอกไม้ข้างทางยังไม่มีดอก แต่หลังจากผ่านไปอีก 2 วัน ก็จะได้เห็นดอกไม้เริ่มมีดอกตูม และมีดอกบานในที่สุด นั่นทำให้สมองได้คิดบวกกับการเดิน ก็เท่ากับเป็นการออกกำลังกาย ทั้งสมองและร่างกายไปพร้อมๆกัน เช่นเดียวกับงานจิตอาสา ที่เน้นการเคลื่อนไหว และการรวมตัวกัน ที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ผ่านการเกื้อกูลและช่วยเหลือกันของคนในสังคม ด้วยการอาศัยพลังของคนวัยเกษียณ ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิต ออกมารวมพลังทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่น ที่ช่วยลดอคติของอายุที่เพิ่มขึ้น และเพื่อให้คนวัยนี้ก้าวข้าม เรื่องวัยที่เป็นเพียงตัวเลข หากตั้งใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม”

“สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมุมมองส่วนตัวคิดว่า ผู้สูงวัยรุ่นใหม่จะเป็นกลุ่มที่ใช้โซเชียล ให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เช่น การเล่นไลน์หรือเล่นเฟซบุ๊ก และชวนกันออกมาทำกิจกรรมดีๆร่วมกันมากขึ้น เพราะนอกจากการคุยกันในโลกออนไลน์ แต่สุดท้ายแล้วคนวัยนี้ ก็มักจะนัดออกมาเจอกัน และทำกิจกรรมหรือแอคทิวิตี้ใหม่ๆร่วมกัน เช่น การจัดทริปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าโลกใบใหม่ของผู้สูงวัยต่อจากนี้จะกว้างขึ้น หรือ นัดกันออกมาทำประโยชน์เพื่อสังคมรูปแบบใหม่ๆ มากกว่าการอยู่บ้านเพียงลำพัง เราจะได้เห็นภาพในลักษณะนั้นมากขึ้นค่ะ”

งานจิตอาสาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้สูงอายุ ดังนั้นคนวัยหนุ่มสาวหรือวัยไหนๆ ที่กำลังมองหากิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อผู้อื่นอยู่นั้น สามารถเริ่มได้ที่เรื่องใกล้ตัวอย่าง การไปเยี่ยมผู้ป่วยที่ไม่มีญาติตามโรงพยาบาล หรือ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ไม่มีลูกหลานไปหา นั่นถือเป็นงานจิตอาสาเยี่ยมไข้ ที่ดีต่อใจผู้ให้ และสร้างความสุขให้กับผู้รับ

Related Posts

Send this to a friend