บริโภคผลไม้หน้าฝนแบบถูกวิธี กินหวานและเปรี้ยวคู่กัน ป้องกันได้รับพลังงานมากเกินไป-เพิ่มวิตามินซี

นอกจากกินผลไม้ที่ดีและมีประโยชน์แล้ว ตามหลักโภชนาการควรบริโภคผลไม้ ให้ถูกหลักเช่นกัน โดยเฉพาะผลมากรากไม้ในช่วงฤดูฝนนั้น ที่มักจะมีน้ำเยอะ หรือมีความฉ่ำน้ำซึ่งทำให้ผลไม้ดังกล่าวมีลักษณะค่อนข้างหวาน เช่น มังคุด เงาะ น้อยหน่า ลิ้นจี่ ลำใย ขนุน ลางสาด มันแกว กล้วยไข่ กล้วยหอม หรือแม้แต่ทุเรียน ที่อยู่ในช่วงปลายฤดูร้อนต้นฤดูฝน เช่นกัน แต่ทว่าในช่วงหน้าฝนนั้น ยังมีผลไม้รสเปรี้ยวฉ่ำน้ำที่มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคหวัดได้ดี ซึ่งพบได้เช่นกัน อาทิ มะยม มะเฟือง ฝรั่ง ส้มโอ ส้มเขียวหวาน หรือแม้แต่มะขามป้อม ที่จะมีความฉ่ำน้ำและลูกใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อให้กินบริโภคผลไม้ประจำฤดูกาล ที่มีทั้งรสหวานจัดและรสเปรี้ยว ให้ดีต่อสุขภาพนั้น
The Reporters ได้สอบถามไปยัง “แววตา เอกชาวนา” นักกำหนดอาหารวิชาชีพอิสระ และที่ปรึกษาโครงการกินผักผลไม้ดีวันละ 400 กรัมจากสสส. ได้ให้ข้อมูลการผสมผสานในการกินผลไม้ประจำฤดูฝนได้อย่างลงตัว ส่วนหนึ่งเพื่อเสริมสร้างวิตามิน และเกลือแร่ป้องกันโรคหวัด และการบริโภคผลไม้ประจำฤดูกาล ในปริมาณที่เหมาะสมใน 1 วันนั้น ยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นอย่างดี และขับสารพิษในร่างกายได้อีกด้วย

แววตา กล่าวว่า “ในช่วงฤดูฝนทำให้ผลไม้มีความฉ่ำน้ำ ที่สำคัญยังทำให้มีหลายรสเช่นผลไม้ที่หวานจัดอย่าง เงาะ มังคุด ลำไล กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ขนุน น้อยหน่า มันแกว รวมถึงทุเรียนที่พบได้ในช่วงปลายหน้าร้อนจนถึงหน้าฝนเช่นเดียวกัน รวมถึงกลุ่มผลไม้ฉ่ำน้ำที่มีรสเปรี้ยวอย่าง ส้ม ฝรั่ง ส้มโอ มะยม มะเฟือง และมะขามป้อม ดังนั้นหลักของกินผลไม้ประจำหน้าฝนนั้น แนะนำให้รับประทาน 2 ชนิดคู่กัน หรือ “กินทั้งผลไม้รสหวานและรสเปรี้ยว” ทั้งนี้เพื่อลดปริมาณความหวานในผลไม้ที่หวานจัด เช่น เงาะ ลำใย ขนุน ทุเรียน ฯลฯ โดยอาศัยผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง ฝรั่ง หรือ ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะยม และมะขามป้อม มาตัดรสกัน หรือเพื่อป้องกันไม่ให้เรากินผลไม้รสหวานเพียงอย่างเดียวและมากเกินไป และใน 1 วันนั้น เราควรบริโภคผลไม้ทั้ง 2 ชนิดรวมกัน ในปริมาณ 1 จานรองแก้วกาแฟ ซึ่งเป็นปริมาณพอดีต่อร่างกาย ไม่มากและน้อยจนเกินไป อีกทั้งวิตามินซีที่อยู่ในผลไม้รสเปรี้ยวนั้น ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค และยังช่วยต้านการอักเสบ หากร่างกายได้รับเชื้อโรค ที่เป็นสาเหตุของโรคหวัดอีกด้วย”
“ส่วนผู้ที่มักจะเลือกกิน ผลไม้รสหวานเพียงอย่างเดียวนั้น แนะนำว่าควรรับประทานช่วงเวลากลางวัน เพราะกลางวันนั้นเราจะต้องใช้พลังงาน ในการทำงาน หรือ เดินไปมา และทำกิจกรรมต่างๆ และจะทำให้น้ำตาลที่อยู่ผลไม้ย่อยเผาผลาญได้ดี ที่สำคัญควรเลี่ยงการกินผลไม้รสหวานจัดในช่วงตอนเย็น หรือต้องการบริโภคผลไม้รสหวานช่วงมื้อเย็น เช่น เงาะ ลำใย ขนุน ลิ้นจี่ ควรบริโภคเพียง 4-5 ผล หรือประมาณ 5-6 คำ (แต่หากเป็นผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ฝรั่ง กินได้ประมาณครึ่งผล หรือ 10 คำ) แต่ในส่วนของผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถรับประทานมันแกวเป็นอาหารเย็น เพื่อแทนมื้ออาหารเย็นได้เลย เพราะมันแกวถือได้ว่า เป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ดี คือมีความฉ่ำน้ำสูง และไม่หวานจัดมากจนเกินไป ที่สำคัญเป็นผลไม้หน้าฝนที่ให้พลังงานน้อย”
“นอกจากบริโภคผลไม้หน้าฝนอย่างสมดุล ทั้งหวานและเปรี้ยวแล้ว ช่วงหน้าฝนที่หลายคนมักมีอาการวิงเวียนศีรษะ หรือ มีอาการง่วงเหงาหาวนอน หรือรู้สึกสลึมสลือ และไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบภายใน โดยเฉพาะการไหลเวียนของเลือดลมที่ไม่ค่อยดี ดังนั้นการกินอาหารบำรุงสุขภาพ เพื่อทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ได้แก่ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะยม หรือมะเฟืองที่มีน้ำเยอะ ที่ช่วยกระตุ้นความสดชื่นได้ดีในหน้าฝน รวมถึงอาหารที่ฤทธิ์อุ่น หรือทำให้ร่างกายอบอุ่น เช่น กลุ่มน้ำขิง ซึ่งเป็นกลุ่มอาหาร ที่กระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้น ก็สามารถขับไล่อาการไม่กระปรี้กระเปร่าได้ในช่วงวันฝนตก และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีเช่นกัน”