ENVIRONMENT

‘ปานปรีย์ หวัง ‘จีน’ หนุนกรอบแม่โขง-ล้านช้าง

รมว.กต. หวัง ‘จีน‘ หนุนกรอบแม่โขง-ล้านช้าง ผสานยุทธศาสตร์อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ‘ทูตพินทุ์สุดา’ ยอมรับวงคุยระดับรัฐมนตรี ไม่มีวาระระบบนิเวศแม่โขง แต่จีนรับปากจะแลกเปลี่ยนข้อมูลบริหารทรัพยากรน้ำ จับตานายกฯ ร่วมประชุมระดับผู้นำ 25 ธ.ค.นี้

นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง และเจ้าหน้าที่อาวุโสไทย ในกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง บรรยายแก่สื่อมวลชน ณ กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เพื่อสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation: MLC) ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ครั้งที่ 8 ของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 6 – 7 ธันวาคม 2566 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรอบความร่วมมือนี้ ไทยเป็นผู้ริเริ่มเมื่อปี 2555 โดยมีการประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ความร่วมมือนี้มุ่งเน้น 3 เสาหลัก ได้แก่ เสาหลักการเมืองและความมั่นคง เสาหลักเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเสาหลักสังคม วัฒนธรรม และการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ภายใต้ 3 เสาหลักนี้มี 5 สาขาความร่วมมือที่สำคัญ ได้แก่ สาขาความเชื่อมโยง สาขาศักยภาพการผลิต สาขาเศรษฐกิจข้ามพรมแดน สาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตร และสาขาการขจัดความยากจน ตลอดจนขยายผลไปยังสาขาความร่วมมืออื่นด้วย

นางสาวพินทุ์สุดา เปิดเผยว่า ที่ประชุมทบทวนความคืบหน้าของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง และแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือของกรอบความร่วมมือฯ ในอนาคต โดยเห็นพ้องเร่งรัดการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การพัฒนาดิจิทัล การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การรับมือกับความท้าทายรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นข้อห่วงกังวลร่วมกันของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะการปราบปรามกระบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต การค้ามนุษย์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำ

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสนอแนวคิด 3 อนาคต (3 futures) ในที่ประชุม ได้แก่

1.การผลักดันอนาคตแห่งความเชื่อมโยง (advance the “future” of connectivity) ผ่านการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมอ่าวไทยกับมหาสมุทรอินเดีย (Landbridge) และการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟไทย จีนกับเส้นทาง รถไฟลาว จีน ตลอดจนการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางดิจิทัลและการค้าและการลงทุน

2.การสร้างอนาคตที่ดีผ่านการรับมือกับความท้าทายใหม่ (build a better “future” by addressing new and emerging challenges) โดยเฉพาะความมั่นคงรูปแบบใหม่ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

3.การเสริมสร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต (drive “future” growth engines) ผ่านความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้ข้อริเริ่มการพัฒนาระเบียงนวัตกรรม ภายกรอบความร่วมมือแม่โขง ล้านช้าง ตามข้อเสนอของประเทศไทย การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว และการส่งเสริมการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังเสนอการสอดประสานระหว่างกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง กับยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ซึ่งไทยเป็นผู้ริเริ่ม และจีนเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของยุทธศาสตร์ฯ

“เราก็มีแผนพัฒนาร่วมกัน เราอยากสนับสนุนให้จีนมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาร่วมกัน (Joint Development Plan) ซึ่งมีแผนปฏิบัติการร่วม ทั้งการเชื่อมโยงไร้รอยต่อ การสอดประสานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และ Smart and Sustainable ACMECS จึงอยากให้จีนมาปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการร่วมกัน ให้มีผลเป็นรูปธรรม เพื่อสอดประสานกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง กับ ACMECS ร่วมกัน” นางสาวพินทุ์สุดา กล่าว

นางสาวพินทุ์สุดา เห็นว่า กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง แม้จะจัดตั้งได้เพียง 7 ปี แต่ถือว่ามีกรอบความร่วมมือที่คืบหน้าค่อนข้างมาก เพราะด้วยหลายปัจจัย อย่างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือนี้ ขณะเดียวกัน จีนยังจัดตั้งกองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Special Fund) มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการกว่า 700 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการของไทยกว่า 77 โครงการ ทั้งยังพิจารณาให้สินเชื่อเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนแก่ประเทศสมาชิก ทั้งยังสนับสนุนงบประมาณตั้งศูนย์ความร่วมมือ 5 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ทรัพยากรน้ำ ศูนย์การเกษตร ศูนย์สิ่งแวดล้อม ศูนย์การแลกเปลี่ยนระดับประชาชน และศูนย์ระดับโลกเพื่อศึกษาแม่น้ำโขง (Global Center for Mekong Studies) ซึ่งเป็นเครือข่าย Think Tank ของประเทศสมาชิก รวมถึงสถาบันศึกษาการต่างประเทศของไทยอยู่ในเครือข่ายดังกล่าวด้วย

สำหรับประเด็นระบบนิเวศแม่น้ำโขงตอนล่างนั้น นางสาวพินทุ์สุดา ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า แม้ไม่มีการพูดคุยหารือข้อเสนอให้เจ้าหน้าที่จากจีนมาศึกษาสภาพแม่น้ำโขงตอนล่าง หรือประเด็นระบบนิเวศโดยเฉพาะ หรือประเด็นความมั่นคงเกี่ยวกับชายแดนตามสันดอนแม่น้ำโขง เนื่องจากแต่ละประเทศมีถ้อยแถลงในระดับนโยบาย แต่ทุกประเทศให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริหารจัดการน้ำระหว่างกัน ซึ่งจีนเองก็พร้อมจะแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อไป ส่วนประเด็นในรายละเอียดเหล่านั้น ก็จะให้คณะทำงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกันต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องให้เสนอร่างเอกสาร 3 ฉบับให้การประชุมผู้นำฯ พิจารณารับรอง ได้แก่ ร่างปฏิญญาเนปยีดอ ร่างแผนดำเนินการ 5 ปีของกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (ค.ศ. 2023 – 2027) และร่างข้อริเริ่มร่วมเรื่องการพัฒนาระเบียงนวัตกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง รวมทั้งเตรียมการสำหรับการจัดการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 4 โดยในโอกาสดังกล่าว ไทยจะรับเป็นประธานร่วมของกรอบความร่วมมือฯ กับจีน ต่อจากเมียนมาด้วย

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดเข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ 4 ผ่านระบบออนไลน์ ในวันที่ 25 ธันวาคม 2566

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat