นักเรียนเชียงแสน เรียกร้องรัฐบาลทำทุกวิถีทาง หยุดเหมืองแร่ในเมียนมา

นักเรียนเชียงแสน ชูปลาแข้เรียกร้องรัฐบาลทำทุกวิถีทาง หยุดเหมืองแร่ในเมียนมา ด้านชาวบ้านโอดรายได้หด ปัญหาสารพิษกระทบท่องเที่ยว-การเกษตร
วันนี้ (5 มิ.ย.68) ภาคประชาชนเชียงแสน จัดกิจกรรมเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ณ ศาลาริมน้ำ หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านตัวแทนของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในฐานะ สส.ในพื้นที่
กิจกรรมวันนี้มีเด็กนักเรียนจาก 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 และโรงเรียนเชียงแสน อาคาเดมี เข้าร่วม ซึ่งมีการให้ความรู้เรื่องสารพิษปนเปื้อน และเปิดพื้นที่ให้นักเรียนร่วมระบายสีปลาแข้จำลองที่ทำมาจากไม้ เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่าปลาแข้ในน้ำโขงมีแผลตุ่มพอง
นางสาวผกากรอง สันวงศ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม อ่านแถลงการณ์ถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อยุติเหมืองแร่ในเมียนมาทันที และต้องมีมาตรการชัดเจนด้านการฟื้นฟูนิเวศแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ระบบเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นให้กลับคืนมาดังเดิมอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไปยิ่งทำให้ความเสียหายรุนแรงและวงกว้างขึ้น
ด้าน นายภานุวัฒน์ ศรีสุข ตัวแทนภาคประชาชนเชียงแสน เปิดเผยว่าข้อเรียกร้องในวันนี้มีข้อเดียวคืออยากให้รัฐบาลไปเจรจาเพื่อหยุดเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา อีกทั้งคิดว่าการทำเขื่อนดักตะกอนหรือฝายชะลอน้ำ ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้
สองเดือนที่ผ่านมาชาวอำเภอเชียงแสน ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ธุรกิจท่องเที่ยวเสียหายไม่มีนักท่องเที่ยวมา พ่อค้าแม่ค้าลงน้ำแล้วแสบคันทันทีจึงรู้ว่าแม่น้ำโขงมีสารปนเปื้อน อีกทั้งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ชาวบ้านจับปลาแข้ได้ ตัวละ 20 กว่ากิโลกรัม แต่ก็ไม่มีใครกล้ากินจึงต้องข้ามไปขายฝั่งประเทศลาว ขายได้ตัวละ 2,000 บาท จากเดิมที่ขายอยู่ตัวละ 8,000-10,000 บาท
หลายพื้นที่ในอำเภอเชียงแสนสูบแม่น้ำโขงไปหล่อเลี้ยงแปลงการเกษตร โดยเฉพาะตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ที่สูบน้ำแม่น้ำโขงไปในการเกษตรกว่า 8,000 ไร่ เช่นเดียวกับน้ำประปา ในอำเภอเมืองเชียงแสนก็สูบจากแม่น้ำโขง ขณะที่ร้านอาหารที่ทำเมนูเกี่ยวกับปลาแม่น้ำโขง ไปก็ไม่มีคนกล้าบริโภค ใช้น้ำแค่การสัญจรทางเรือ และไม่กล้าสัมผัสน้ำโดยตรงเท่านั้น