ENVIRONMENT

‘เฉลิมชัย’ ตรวจเยี่ยมโครงการแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งสิรินาถ สั่งเร่งขยายระยะ 2 ต่อยอดความสำเร็จ

‘เฉลิมชัย’ ลงพื้นที่ หาดทรายแก้ว อช.สิรินาถ จ.ภูเก็ต ตรวจเยี่ยมโครงการแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งสิรินาถ สั่งเร่งขยายระยะ 2 ต่อยอดความสำเร็จ ชู ใช้โครงสร้างอ่อน : ปักรั้วไม้ดักทราย แก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างยั่งยืน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.)​ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต เปิดเผยความก้าวหน้าโครงการรั้วไม้ดักทรายซิกแซก พร้อมสั่งการขยายผลระยะ 2 ต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 17.30 น. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และคณะผู้บริหารระดับสูง ลงพื้นที่ติดตามโครงการ​แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณพื้นที่วิกฤตในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ​ บริเวณหาดทรายแก้ว ซึ่งประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรง

อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ 56,250 ไร่ (ในพื้นน้ำ 42,500 ไร่ และบนบก 13,750 ไร่) มีชายหาดทรายงามต่อเนื่อง 13 กิโลเมตร ปัจจุบันเผชิญกับวิกฤตการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงทั่วพื้นที่ ประสบปัญหาการกัดเซาะตลอดแนวชายหาด 13 กม. โดยบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ถูกกัดเซาะเข้าในแผ่นดิน 11.6 เมตร ส่วนหาดทรายแก้วมีอัตราการกัดเซาะเฉลี่ย 2.64 เมตร/ปี ระหว่างปี 2558-2559 ถูกกัดทับถม 24.5 เมตร ทำให้ต้นสนหน้าหาดล้มเป็นจำนวนมาก
ที่น่าวิตกยิ่งคือ พื้นที่ชายฝั่งปัจจุบันห่างจากถนนออกจังหวัดเพียง 25 เมตร คลื่นหนุนสูงในบางปีพัดน้ำทะเลข้ามถนน กระทบการจราจร หากไม่รีบแก้ไขอาจเกิดวิกฤตการคมนาคมขนส่งได้

กรมอุทยานฯ ได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณพื้นที่วิกฤตในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ​ โดยสร้างรั้วไม้ดักทรายคู่ขนานแบบซิกแซก ระยะที่ 1 ความยาว 500 เมตร เพื่อเก็บกักตะกอนทรายและลดแรงกระทำของคลื่น โดยใช้งบประมาณจากเงินอุทยานแห่งชาติ เป็นการศึกษาแนวทางลดการกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้วัสดุธรรมชาติที่หาง่ายในท้องถิ่น มีลักษณะพิเศษคือแนวรั้วไม้วางแบบซิกแซก 2 ชั้น ช่วยลดความเร็วคลื่นได้ดีกว่าการสร้างแนวตรง และสามารถเก็บตะกอนทรายได้ ปัจจุบันได้ดำเนินการปักไปแล้ว 300 เมตร มีทรายสะสมเฉลี่ย 30-50 เซนติเมตร

หลังตรวจเยี่ยมความก้าวหน้า รมว.ทส. พอใจผลการดำเนินงาน สั่งให้กรมอุทยานฯ เร่งดำเนินการระยะ 2 ขยายผลทันที ด้วยการติดตั้งรั้วไม้ดักทรายเพิ่มเติม 1,150 เมตร รวมทั้งหมด 1,650 เมตร เพื่อครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อชาวบ้านและนักท่องเที่ยว สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งยังโครงการนำร่องที่สามารถใช้เป็นต้นแบบสำหรับอุทยานทางทะเลแห่งอื่นที่ประสบปัญหาคล้ายคลึง ด้วยการใช้วัสดุท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายไม่สูง บำรุงรักษาง่าย และมีประสิทธิภาพจริง

จากนั้น รมว.ทส. ขอบคุณชาวบ้านบ้านท่าฉัตรไชยและกลุ่มอนุรักษ์บ้านไม้ขาว ที่ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาและรายงานสภาพความเสียหายอย่างสม่ำเสมอ เป็นตัวอย่างความร่วมมือระหว่างราชการและประชาชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตถึงความเดือดร้อนในการสัญจรผ่านเส้นทางบริเวณหาดทรายแก้วในช่วงมรสุม โดยเฉพาะเมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2567 พบว่า มีปัญหาการจราจรที่ติดขัดเนื่องจากได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของกระแสน้ำที่ไหลเข้า-ออก พัดพาตะกอนทรายออกจากชายฝั่ง ทำให้เกิดการกัดเซาะชายหาดเป็นระยะทางกว่า 7.3 เมตร ต้นสนบริเวณหน้าหาดล้มเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ในบางช่วงของมรสุมยังมีภาวะคลื่นลมแรงพัดน้ำทะเลเข้ามาบริเวณถนนก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และหากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดการกัดเซาะเพิ่มเติม กลายเป็นพื้นที่วิกฤตปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งยิ่งขึ้น ซึ่งจากการรับฟังปัญหาในครั้งนั้น ได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกันประเมินและกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา

“จากรูปแบบแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่กระทรวงฯ ได้ศึกษารูปแบบไว้ พบว่า การใช้โครงสร้างอ่อน โดยการใช้ไม้ปักเป็นแนวรั้วธรรมชาติ เป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาได้ดี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง ซึ่งในวันนี้ที่ลงมาตรวจเยี่ยม พบว่าได้ดำเนินการปักแนวไม้เป็นแนวรั้วซิกแซกไปแล้วระยะทางประมาณ 300 เมตร สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดการสะสมของตะกอนทรายบริเวณด้านหน้าแนวไม้ไผ่เฉลี่ย 30-50 เมตร จึงได้มอบหมายให้กรมอุทยานฯ ดำเนินโครงการเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยจะดำเนินการปักแนวไม้เพิ่มเติมไปทางด้านซ้ายของชายหาดอีก 1,000 เมตร และปักเพิ่มทางด้านขวาอีก 150 เมตร เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน“ ดร.เฉลิมชัย กล่าว

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช​ กล่าวว่า โครงการระยะ 2 จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2569 เพื่อให้สามารถรับมือกับคลื่นลมที่รุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 5.85 ล้านบาท และสามารถลดอัตราการกัดเซาะลงได้ 60% ตามการศึกษาพื้นที่ทดลอง ด้วยความสำเร็จของโครงการนำร่อง กรมอุทยานฯ วางแผนขยายผลไปยังอุทยานทางทะเลอื่นๆ ที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ทั่วทั้งชายฝั่งทะเลตะวันออกและทะเลตะวันตก โดยจะปรับเทคนิคให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่นต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat