นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในปี 2564 ประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลกยังคงต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ หรือการถดถอยทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดในครั้งนี้ กระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนโยบายพลังงาน โดยมุ่งเน้นที่การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และต่อยอดนโยบายของปี 2563 ที่ประสบความสำเร็จ อันได้แก่ นโยบายขับเคลื่อนพลังงานไทยใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.การสร้างพลังงานเข้มแข็ง โดยกระทรวงแรงงานเตรียมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนพลังงานแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบการพัฒนาของภาครัฐและเป็นกรอบการลงทุนที่ชัดเจนของภาคเอกชน ผลักดันความชัดเจนเรื่องลดการสำรองไฟฟ้า เดินหน้าส่งเสริมแข่งขันเปิดเสรีกิจการก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า กำหนดเป้าหมายขับเคลื่อน EV เพื่อกระตุ้นการลงทุน รวมถึงเตรียมความพร้อมการเปิดประมูลสิทธิการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 23 การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา (OCA) และกำหนดการส่งเสริมการลงทุนปิโตรเลียมระยะที่ 4 ในพื้นที่ EEC
2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก กระทรวงพลังงานเตรียมกระตุ้นยอดขาย B10 และกำหนดให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินหลัก โดยผลักดันให้โรงกลั่นผลิต G-base ได้ตามมาตรฐานภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 และร่วมขับเคลื่อนโครงการชุมชนทั่วประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
3.การส่งเสริมการลงทุนพลังงานสะอาด โดยจะเร่งรัดการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 เมกะวัตต์ ส่งเสริมกระตุ้นการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ ส่งเสริมการใช้โซลาร์รูฟท็อปให้เติบโต 100 เมกะวัตต์ ริเริ่ม ESCO ภาครัฐเพื่อลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้เกิดการลงทุน
จากนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนโยบายพลังงานทั้ง 3 ด้าน คาดว่า จะสามารถสร้างเม็ดเงินลงทุนให้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศประมาณ 127,932 ล้านบาท ในปี 2564 นี้