AROUND THAILAND

จะนะโมเดล

โครงการสร้างเมืองนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา เป็นประเด็นที่มีความสลับซับซ้อนในหลายระดับและในเชิงข่าวน่าวิเคราะห์มาก

1.นับตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐโดย”บิ๊กป้อม”พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบให้ รอ.ธรรมนัส เข้ามารับผิดชอบเคลียร์ข้อเรียกร้องของมวลชนในพีมูฟ ตลอดจนคลายล็อคกรณีม็อบจะนะที่บุกทำเนียบ ทำให้บทบาทของ รอ.ธรรมนัส โดดเด่นขึ้นเยอะ ทั้งการลงพื้นที่และการให้สัมภาษณ์เอาใจพลังมวลชน

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 รอ.ธรรมนัสได้ควงคุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ลงพื้นที่จะนะ สร้างคำถามพอสมควรว่าคุณนฤมลเกี่ยวอะไรด้วย บางคนบอกว่าเธอคือคนใกล้ชิดรายใหม่ของบิ๊กป้อมจึงอาสาไปทำหน้าที่แกนนำของพรรคพลังประชารัฐ

การเคลื่อนไหวของพลังประชารัฐครั้งนี้จึงน่าสนใจ แม้ว่าตามแผนเดิม รอ.ธรรมนัส ยิบยอมตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้คัดค้านคือให้ยุติโครงการและศึกษาผลกระทบทางยุทธศาสตร์ แต่ใน ครม.ไม่เห็นด้วย โดยรัฐมนตรีหลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์การไปรักปากกับม็อบของ รอ.ธรรมนัส แต่เพราะกลัวว่าจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ของกลุ่มคัดค้าน ครม.จึงระมัดระวังในการให้ข่าว และเพียงรับข้อเสนอไว้และให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา แต่เมื่อดูจากท่าทีของ ศอ.บต.ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการผลักดันโครงการนี้ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มสูบ รวมถึงท่าทีของกองทัพภาค 4 ก็สามารถอธิบาย อะไรได้พอสมควร

ที่น่าวิเคราะห์คือการให้ รอ.ธรรมนัสเป็นหัวหมู่ทะลวงครั้งนี้ เพราะพลังประชารัฐต้องการเปิดเกมหาเสียงในกลุ่มพลังมวลชนและชาวบ้านเพื่อรองรับการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า ยุทธวิธีในการเข้าหาเครือข่ายพลังมวลชนจะได้ผลหรือไม่ อย่างไร

ในการเลือกตั้งนายกอบจ.สงขลาที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปหมาดๆเป็นสนามสู้ศึกดุเดือดพอสมควรระหว่างตัวแทนพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์แม้จบลงด้วยชัยชนะของประชาธิปัตย์ แต่ศึกครั้งใหญ่ในการเลือกตั้ง ส.ส.ตั้งต้องตระเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือและท่อน้ำเลี้ยงกันพอสมค

2.พื้นที่สงขลาแม้เป็นถิ่นของประชาธิปัตย์ดั้งเดิม แต่ภายในหมู่ลูกพระแม่ธรณีบีบมวยผม กลับมีความขัดแย้งสูงลิ่ว โดยเฉพาะระหว่างขั้วของนายนิพนธ์ บุญญามณี และขั้วของนายถาวร เสนเนียม โดยคนแรกมีดีกรีเป็น รมช.มหาดไทย ส่วนคนหลังเป็น รมช.คมนาคม

แม้ทั้งคู่ต่างเป็นลูกหม้อประชาธิปัตย์ แต่สถานการณ์ในยุคปัจจุบัน นายนิพนธ์มีความสนิทชิดเชื้อกับกลุ่มขั้วอำนาจในพรรคมากกว่าทั้งนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค บารมีของนายนิพนธ์เห็นได้จากการถูก ปปช.ชี้มูลความผิด เรื่องละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบสมัยดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา แต่นายนิพนธ์ยังเหนียวแน่นในตำแหน่งรัฐมนตรีโดยที่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ทำได้เพียงอ้ำๆอึ้งๆ และกลืนน้ำลายตัวเอง

ขณะที่นายถาวร เปรียบเหมือนคนนอกแถว นับตั้งแต่เป็นแกนนำ กปปส.และยังจับมือ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ลงแข่งขันชิงหัวหน้าพรรค ครั้งที่ผ่านมา แม้จบลงด้วยชัยชนะของทีมของนายจุรินทร์ แต่บาดแผลนี้ยังเรื้อรังมาถึงวันนี้

ศึกชิงพื้นที่และชิงอำนาจในสงขลาระหว่างคนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองจึงน่าสนใจมาก ซึ่งในประเด็นโครงการเมืองอุตสาหกรรมจะนะนั้น นายนิพนธ์สนับสนุนเต็มเหนี่ยวโดยมีข้อมูลเล็ดลอดออกมาว่า นายนิพนธ์เป็นผู้กว้านซื้อที่ดินให้กับนายประชัย เลี่ยวไพรัช ซึ่งหลายฝ่ายกำลังตรวจสอบอยู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขณะที่นายถาวร ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่ไม่กล้าผลีผลามออกหน้าออกตา

3.การออกมาเคลื่อนไหวในเกมพลังมวลชนของ รอ.ธรรมนัส กลายเป็นหินรองทอง ทำให้เห็นภาพแนวคิดและอุดมการณ์ของขบวนภาคประชาชนว่าจะเป็นไปในทิศทางใด

ภาพพจน์ทางสังคมของ รอ.ธรรมนัสนั้น ติดลบพอสมควร โดยเฉพาะกรณี “มันคือแป้ง” แต่ลักษณะการทำงานแบบถึงลูกถึงคน กล้าได้กล้าเสีย สามารถสยบข้าราชการที่แข็งกร้าวกับชาวบ้านได้ ทำให้เขาเป็นที่โดนใจของหลายๆคน

ในแวดวงของนักพัฒนากำลังจับตาและวิพากษ์วิจารณ์การจัดความสัมพันธ์นี้กันพอสมควร

ความขัดแย้งในโครงการเมืองอุตสาหกรรมจะนะ จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองยิ่ง เพราะภาพลึกมุมนี้ สามารถทะลุทะลวงให้เห็นภาพกว้างในหลายกรอบของขั้วอำนาจกลุ่มต่างๆในสังคมได้ชัดพอสมควร

Related Posts

Send this to a friend