BUSINESS

โครงการติดปีกสินค้าไทย ขายออนไลน์ข้ามพรมแดน กับ Amazon

อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง (Amazon Global Selling – AGS) จับมือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดตัวโครงการ ติดปีกสินค้าไทย ขายออนไลน์ข้ามพรมแดนกับ Amazon (Thailand Business Accelerator) ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ให้กับเจ้าของแบรนด์จากประเทศไทย ซึ่งโครงการบ่มเพาะธุรกิจนี้ จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์กว่า 100 รายเริ่มต้นขายสินค้า ผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนกับอเมซอน ได้ในปี พ.ศ. 2566 อีกทั้งอเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ได้ส่งทีมงานอเมซอนเข้าร่วมโรดโชว์ ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดขึ้นทั่วประเทศ

เนื่องจากงานวิจัยล่าสุดโดย AlphaBeta เผยถึงมูลค่าภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ข้ามพรมแดนประเทศไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตถึง 664,000 ล้านบาทภายใน พ.ศ. 2570 หากผู้ประกอบการสามารถใช้ศักยภาพและโอกาส ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้การสำรวจผู้ประกอบการ 300 ราย ที่จัดทำขึ้นสำหรับการวิจัยนี้ พบว่าร้อยละ 87 ของธุรกิจที่ขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซในประเทศ และที่ส่งออกในแบบดั้งเดิม เชื่อว่าอีคอมเมิร์ซจะเป็นช่องทางหลัก ที่ทำให้พวกเขาสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้

นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “การค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนเป็นการส่งออกรูปแบบใหม่ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการช่วย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยินดีอย่างยิ่งที่ความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อ งเพื่อเตรียมความพร้อมในการขายสินค้าออนไลน์ ข้ามพรมแดน เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยจุดประกาย ให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกสินค้า ที่มีศักยภาพจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย ผ่านแพลตฟอร์ม Amazon ซึ่งจะช่วยประกาศศักยภาพสินค้าไทย ให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกต่อไป”

ด้าน อนันต์ ปาลิต หัวหน้า อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เราได้เห็นการเติบโตของอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ที่ต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ได้กลายเป็นรูปแบบใหม่ในการส่งออกและเป็นวิธีที่เจ้าของแบรนด์ จะเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกโดยตรง และพัฒนาธุรกิจในระดับโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือ กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และหวังว่าทั้งสององค์กรจะได้ช่วยกันสนับสนุน เจ้าของแบรนด์ไทยให้เริ่มต้น เส้นทางธุรกิจในระดับโลก”

ขณะที่ เจมี่ เบรนแนน หัวหน้า อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ประจำประเทศไทยกล่าวว่า “ธุรกิจไทยหลายรายมีความพร้อม ที่จะขายสินค้าทางออนไลน์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้น และจะยกระดับการขายได้อย่างไร เราเข้าใจความท้าทายที่ธุรกิจเหล่านี้กำลังเผชิญ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างอเมซอน กับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรในประเทศไทย ในการสนับสนุนและเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย”

“อเมซอนมีเครื่องมือที่ทันสมัยและทีมงาน ในประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน แก่ผู้ประกอบการไทยให้ประกอบธุรกิจในเส้นทางระดับโลก โดยเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยในตลาดโลก และเตรียมพวกเขาให้พร้อมรับมือ ความเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดในสภาพแวดล้อมระดับโลกในปัจจุบันนี้”

นับตั้งแต่ก่อตั้งทีมงานในประเทศไทย อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยนับหลายพันรายขายสินค้าไทย ได้หลายล้านรายการให้ลูกค้าทั่วโลกในแต่ละปี เนื่องจากการส่งออกเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย และอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทั่วโลกกำลังเติบโต อเมซอน โกลบอล เซลลิ่งจึงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐไทย และพันธมิตรภาคอุตสาหกรรมเพื่อช่วยให้วิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมและเจ้าของแบรนด์จำนวนมากขึ้น ให้ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์

นาย วีกิจ บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการแบรนด์ชาสมุนไพร ฟิตเน่ กล่าวว่า “การเจาะกลุ่ม mass market ในตลาดออนไลน์ที่อเมริกา แน่นอนว่าที่แรกที่ผมนึกถึง ก็คืออเมซอน เนื่องจากผมมองว่าอเมซอนคืออีคอมเมิร์ซเบอร์ต้นๆของโลก การขายบนอเมซอนทำให้เรา สามารถปลดล็อคการขายในตลาดอเมริกาได้ โดยที่เราไม่ต้องใช้โมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ”

ไอริน ละอองศรี ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เมล็ดโกโก้ไทย มาร์คริณ กล่าวว่า “การขายสินค้าบนอเมซอนช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา ที่มีต่อแบรนด์มาร์คริณได้โดยตรง และผู้บริโภคสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้อเมซอนยังช่วยทำให้แบรนด์ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในตลาดอเมริกาเหนือ”

Related Posts

Send this to a friend