BUSINESS

แอสตร้าเซนเนก้า จับมือ 4 องค์ชั้นนำ จัดงานเสวนา รับเดือน Pride Month

บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลพญาไท 2 ร่วมจัดงานเสวนา ภายใต้หัวข้อ “การยอมรับในความแตกต่าง และการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงาน (Diversity & Inclusion in the workplace)” เนื่องในโอกาสเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) ณ วิคเตอร์คลับ สาทร สแควร์

นายอนาวิล โชคอมรินทร์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอสตร้าเซนเนก้าเป็นองค์กร ที่สร้างความเชื่อมั่น ให้กับพนักงานและเคารพในอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลเสมอมา บริษัทฯ ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร ที่สนับสนุนความเท่าเทียมและความเสมอภาค เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่ทำให้พนักงานรู้สึกอยากมาทำงาน และรู้สึกปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้ ได้อย่างชัดเจนคือ การจัดตั้งกลุ่ม AZ Pride ซึ่งเป็นเครือข่ายของพนักงานจากทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้มีส่วนร่วมและแสดงศักยภาพ ในด้านการทำงานของตนเอง ซึ่งในเดือน Pride Month พนักงานของแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ก็ได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมกับพนักงานจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกผ่านช่องทางโซเชียล มีเดีย ของบริษัทฯ รวมถึงการจัดกิจกรรมสนับสนุนการยอมรับ และการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติ และเปิดมุมมองให้กับพนักงานภายในองค์กรมากขึ้น”

“จากประสบการณ์ส่วนตัวมองว่า ปัญหาที่กลุ่ม LGBTQ+ พบเจอ คือการที่บางบริษัทยังไม่เปิดกว้างสำหรับนักศึกษาจบใหม่ เช่น การระบุเพศในการเข้าทำงาน เช่น เพศหญิงและเพศชาย ทำให้เรซูเม่ของคนกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกคัดเลือกเข้าทำงาน หรือบางครั้งการเข้าสัมภาษณ์งานนั้น คนกลุ่มนี้ถูกเลือกปฏิบัติ ด้วยการใช้คำพูดส่อเสียด เช่น คำถามในเชิงว่าชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นต้น แต่ทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้านั้น ให้ความสำคัญเรื่องความเท่าเทียมกันของทุกเพศ เนื่องคนกลุ่ม LGBTQ+ นั้น มีความคิดสร้างสรรค์ ที่สามารถนำมาใช้ในการทำงาน และทำให้องค์กรดีขึ้นได้ครับ”

ด้าน นายสุทธกานต์ ช้างน้อย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสรรหาและพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทรัพยากรบุคคล สำนักงานกลาง บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า “บริดจสโตน ในฐานะผู้ผลิตยางระดับโลก ดำเนินงานโดยให้ความสำคัญ กับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และการเคารพสิทธิมนุษยชน พร้อมสนับสนุนแนวคิดด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมในสังคมการทำงาน โดยในด้านทรัพยากรบุคคล ทางองค์กรได้เปิดโอกาส ให้ผู้มีความสามารถเข้ามาร่วมงานอย่างเท่าเทียมผ่านช่องทาง Bridgestone Thailand Careers Facebook และ Bridgestone Thailand LinkedIn ควบคู่ไปกับการวางแผนพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดหลักสูตรการฝึกอบรม และกิจกรรมที่เน้น 3 ด้าน”

“เนื่องจากบริดจสโตน มีอีก 13 บริษัทที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากการที่เราไม่ระบุเพศในการเปิดรับพนักงานมาหลายปีแล้ว เพื่อเปิดกว้างรับกลุ่ม LGBTQ+ เข้าทำงาน ร่วมกับพนักงานผู้หญิงแล้ว ทั้งนี้เรายังมองว่ากลุ่มเพศที่ 3 นั้น มีข้อดีทั้งความเข้มแข็ง แข็งแรง และมีความเป็นผู้นำสูง อีกทั้งมีความกล้าแสดงออก ขณะเดียวกันก็มีความละเอียดอ่อน ซึ่งเหมาะกับอุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์ ดังนั้นเราไม่ได้เปิดรับพนักงานที่เพศ แต่เราดูที่ความสามารถเป็นสำคัญ”

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและการสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านความงาม มีเป้าหมายหลักในการ ‘สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก (Create the beauty that moves the world)’ ผ่านการสร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมบิวตี้ เทค (Beauty Tech) ที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมความงามสำหรับทุกคน (Beauty for All) และ ความงามเฉพาะแต่ละคน (Beauty for Each) เราจึงให้ความสำคัญในการส่งความหลากหลาย ความไม่แบ่งแยก และความเสมอภาคขององค์กร เพื่อดูแลพนักงานทุกกลุ่มของเรา โดยเราได้มีการปรับเปลี่ยนสวัสดิการที่ทุกคน ทุกเพศสภาพ ทุกสถานภาพ สามารถใช้ประโยชน์ได้เท่าเทียมกัน อาทิ การให้วันลา Flex Leave เพิ่มเติม 15 วัน จากวันหยุดพักร้อนปกติ 12 วัน เพื่อให้ทุกคนนำไปใช้ ทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์ ความต้องการของตนเอง โดยไม่จำกัดขอบเขต และ วันลา 15 วัน เพื่อการรับบุตรบุญธรรม”

“นอกจากนี้ลอรีอัลยังจัดให้มี 1 วันที่เป็นวันจริยะธรรมแห่งปี เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงาน ที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้พูดคุยและปรึกษาหาหรือ กับเจ้าหน้าที่ด้านจริยะธรรมขององค์กร เพื่อลดความกังวล กรณีหากได้รับความไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน ที่สำคัญยังเป็นการเคารพสิทธิความเท่าเทียมกันภายในองค์กร ที่สำคัญยังสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านพรีเซ็นเตอร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ ที่ไม่เฉพาะแค่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีพรีเซ็นเตอร์ ผลิตภัณฑ์แบรนด์ Maybelline ที่เป็นเพศชายอย่าง พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร นอกจากนี้ยังผลิตภัณฑ์รองพื้นของลอรีอัล ที่มีหลายเฉดสี ทั้งสีเข้มไปจนถึงสีอ่อน เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถใช้ได้ เพราะเข้าใจถึงความหลากหลายทางเพศในปัจจุบันค่ะ”

นางสาวภัททกา เสงี่ยมเนตร อาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชาทั่วไป หมวดสังคมศาสตร์ และการฝึกงาน วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “คนรุ่นใหม่มีความกระตือรือร้น ในการพัฒนาตนเองและสังคม รวมถึงสนใจศึกษาด้านหลักการ สิทธิมนุษยชนมากขึ้น ดังนั้นองค์กรต่างๆ ที่กำลังมองหาบุคลากรที่มีศักยภาพ ควรต้องมีความชัดเจนในด้านนโยบาย ซึ่งหากพูดถึงนโยบายด้านความหลากหลาย และการมีส่วนร่วม คนรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญ และวัดระดับความใส่ใจขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการสังเกตรายละเอียดปลีกย่อย ที่ตนเองได้พบเจอ เช่น การกรอกสถานะเพศสภาพในใบสมัครงาน หรือห้องน้ำในองค์กรที่ไม่จำกัดเฉพาะชาย-หญิง
เป็นต้น ทั้งนี้หากองค์กรใดสนับสนุนนโยบายด้านนี้ ก็จะสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ให้กับบุคลากร ทำให้พวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเอง ปราศจากความกังวลที่จะต้องย้อนความเป็นตัวตน (Gender Identity) ซึ่งส่งผลให้สามารถดึงศักยภาพของตนเอง มาเพื่อพัฒนาองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

“ทั้งนี้วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดคอร์สสอนวิชาออนไลน์ ที่เกี่ยวกับเพศสภาพเพื่อให้ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจลึกซึ้ง เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อจบออกไป และอยู่ในสังคม ที่มีความหลากหลายทางเพศได้ค่ะ รวมถึงได้ใช้สรรพนามในการเรียก ให้ตรงกับเพศสภาพของนักศึกษาแต่ละคน อีกทั้งปัจจุบันทางวิทยาลัยฯ ยังได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แต่งกายตามเพศสภาพเช่นเดียวกัน”

ด้าน สุภาพร บัญชาจารุรัตน์ ผู้อำนวยการสายทรัพยากรบุคคล เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล กล่าวว่า “ในปัจจุบันความหลากหลายได้รับการยอมรับ และมีการเปิดกว้างทางความคิดของแต่ละบุคคล ทำให้เรามีอิสระในการใช้ชีวิต ทั้งชีวิตประจำวัน และชีวิตการทำงานมากขึ้น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล ได้มีการเปิดรับ เปิดใจ มองหาบุคลากรที่มาร่วมงานอย่างเปิดกว้าง เพราะเราเชื่อว่า “ทุกคนต้องได้โอกาส” โดยพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมของตำแหน่งงาน ที่สมัครมากที่สุด ไม่ว่าเพศไหนก็ควรได้รับโอกาส และการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความสุข ในการทำงาน และทำให้พนักงานสามารถปฏิบัติงาน ได้เต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพ”

“นอกจากการเปิดรับความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงานแล้ว การดูแลสุขภาพของพนักงานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสุขภาพของพนักงาน คือสุขภาพขององค์กรเช่นเดียวกัน โดยเราจัดทำแบบประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ รวมกับการตรวจสุขภาพประจำปี และส่งผลการตรวจสุขภาพ ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับตั้งทีมนักโภชนการบำบัด นักกายภาพบำบัด ฯลฯ เพื่อมาดูแลพนักงานของเราให้มีสุขภาพดี ซึ่งถือเป็นการให้ความสำคัญ กับทุกคนและทุกเพศในองค์กร เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียม เพื่อเป็นการปูทางสู่อนาคต ที่ทุกคนสามารถเติบโต และมีส่วนร่วมกับองค์กร ได้อย่างเต็มความสามารถต่อไป”

Related Posts

Send this to a friend