BUSINESS

‘SHR’ เผย รายได้ไตรมาส 1 ผลกำไรพุ่ง 125 ล้านบาท เติบโต 16%

วันนี้ (11 พ.ค. 66) บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท รายงานรายได้จากการขายและบริการเติบโต 16% จากไตรมาสก่อน หรือเพิ่มขึ้น 51% จากปีที่แล้ว คิดเป็นรายได้ 2,544 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2566 จากผลการดำเนินงานที่ขยายตัวในทุกพอร์ตโฟลิโอ สอดรับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยวโลก พร้อมรายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 125 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรายงานผลกำไรติดต่อกันสามไตรมาส

การเพิ่มขึ้นของรายได้ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เกิดจากการเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนทั้ง 4 พอร์ตโฟลิโอ โดยเฉพาะผลประกอบการของโรงแรมในประเทศไทยที่มีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จากการเปิดประเทศ โดยทุกโรงแรมในประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาสแรกของปีเฉลี่ย 85% และสามารถปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ได้เพิ่มขึ้นกว่า 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดโควิด-19

นอกจากนี้ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) และพอร์ตโรงแรมที่สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างแบบเฉพาะตัว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเติบโตถึง 87% นับว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุด ตั้งแต่เปิดโครงการด้วยการมุ่งปรับกลยุทธ์ในการบริหาร RevPAR ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงห้องพัก

โรงแรมสหราชอาณาจักรมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 66% แม้จะอยู่ระหว่างช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้ต่อห้องพักต่อคืน (RevPAR) ที่ 50 ปอนด์ ซึ่งสูงกว่าปี 62 ก่อนเกิดโควิด-19 นับว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญของบริษัทฯ

นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 66 นี้ บรรลุเป้าหมายที่เราวางไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากความแข็งแรงของฐานรากทางธุรกิจที่พร้อมรับการเติบโตของการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มศักยภาพ หนุนด้วยความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ การยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสอดคล้องต่อความต้องการสูงสุดของนักท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ผลประกอบการของ SHR ในปี 66 นี้เป็นที่น่าประทับใจ และเป็นที่ประจักษ์ด้านความสามารถในการแข่งขันกับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ”

ความมุ่งมั่นของ SHR สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ สิงห์ เอสเตท ด้าน ESG ทั้ง 3 มิติ พร้อมทั้งนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความยั่งยืนภายใต้มาตรฐาน Green Globe มาใช้ในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเป็นเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ ทำให้ SHR ประสบความสำเร็จในการยกระดับโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ ได้แก่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ,ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ , สันติบุรี เกาะสมุย และ โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ได้รับประกาศนียบัตรด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับสากล

อีกหนึ่งพันธสัญญาสำคัญที่ SHR ตั้งใจจะผลักดันมาโดยตลอด คือการสร้างผลตอบแทนที่สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ขออนุมัติที่ประชุม เพื่อโอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้นสำหรับล้างผลขาดทุนสะสม ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการ และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เมื่อบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งถือเป็นการเตรียมพร้อมต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่จะฟื้นตัวต่อไป

นายเดิร์ก กล่าวต่ออีกว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลังการยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ “SHR” จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยการขับเคลื่อนรายได้ ปี 66 ให้สูงกว่า 10,000 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ไม่ต่ำกว่า 75%

Related Posts

Send this to a friend