‘ณัฐพงษ์’ ย้ำ ไม่โหวตอนุทินซ้ำรอย-ไม่ร่วมรัฐบาลกล้าธรรม
‘ณัฐพงษ์’ เผยเตรียมเปิดตัวทีมบริหาร 11 ม.ค. นี้ เป็น ‘รัฐบาลตรงปก’ ย้ำไม่โหวตอนุทินซ้ำรอย-ไม่ร่วมรัฐบาลกล้าธรรม ไม่ห่วงปัญหา 44 สส. มั่นใจไม่ได้ทำผิด
วันที่ 26 ธ.ค. 68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดใจกับ The Reporters แสดงความพร้อมในการเลือกตั้ง สส. ปี 69 โดยยืนยันว่ามีความพร้อมทุกด้านทั้งตัวหัวหน้าพรรค ทีมนโยบายและผู้สมัคร ซึ่งคัดคนครบ 400 เขต และบัญชีรายชื่อ 100 คน ได้ให้ประชาชนตรวจสอบ หากวันรับสมัครจริงอาจหายไปบางคน เกิดจากการตรวจสอบตรงนี้
นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า นอกจากเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทีมรองนายกรัฐมนตรี และจะมีทีมบริหารพรรค เพราะเราต้องการยกระดับมาตรฐานการเมืองที่ดีขึ้น อยากให้ประชาชนเลือกรัฐบาลที่ตรงปก ก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง จะได้ตัดสินใจเลือก เพราะที่ผ่านมาจะเห็นรัฐมนตรีแบ่งตามโควตา ซึ่งเราไม่เคยเห็นพรรคการเมืองว่าจะมีการประกาศว่าใครจะคุมกระทรวงไหน ไม่ใช่ไปต่อรองกันภายหลัง
“เราต้องการสร้างรัฐบาลประชาชนที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง เรามองว่าปัญหาสีเทา สังคมที่เหลื่อมล้ำสูง เศรษฐกิจที่ไทยไม่เท่าทันโลก เราต้องการทีมที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ผู้นำเข้มแข็ง ซึ่งมีทีมรองนายกรัฐมนตรี 4 คนที่เปิดตัวไป ทั้งเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต ความมั่นคง ประชาธิปไตย และการปฏิรูประบบราชการ โดยไม่ควบกระทรวง และตัวรัฐมนตรีประจำแต่ละกระทรวงจะเปิดทีมบริหาร 11 ม.ค. นี้ จึงอยากให้เปลี่ยนจากเชื่อใจ เป็นเชื่อมือให้เราไปบริหารประเทศ”
หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า วันที่ 11 ม.ค. 69 นี้จะเห็นหน้าทีมบริหารจะรู้ว่าใครคุมกระทรวงไหน แต่บอกตรง ๆ ไม่ได้เพราะเสี่ยงกฎหมายเลือกตั้งสัญญาว่าจะให้ ซึ่งตรงนี้อาจแตกต่างจากพรรคอื่น เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจน และอยากให้ดูทีมบริหารของพรรค มั่นใจว่าปังแน่นอน
นายณัฐพงษ์ ไม่ปฏิเสธว่าการเปิดตัวทีมบริหาร เพื่อเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาล ซึ่งตนมองว่าโจทย์ในการแก้ไขปัญหาประเทศ ตนไม่เชื่อว่าหน่วยงานรัฐเก่งไม่พอ ซึ่งเชื่อว่ารู้ข้อมูลหมด แต่คนที่เกี่ยวข้องในประเทศ ทั้งการทุจริต ยาเสพติดและสแกมเมอร์ ยังจัดการไม่เพียงพอ ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวกับผู้มีอำนาจ จึงต้องมีรัฐบาลที่แน่วแน่มีเจตจำนงชัดเจน และยอมรับว่าเป้าหมายรัฐบาลพรรคเดียว เป็นเป้าหมายสูงสุด ถ้าได้ สส. เกิน 250 เสียง แต่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าคือการเอาวาระเป็นตัวตั้ง ทำอย่างไรให้เสียงของพรรคประชาชนถ้าได้อันดับ 1 ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“ไม่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะครั้งนี้ไม่มีเสียง สว. มาเลือกนายกฯ แต่เราเชื่อเสียงประชาชน จึงอยากให้ประชาชนไปใช้สิทธิเยอะ ๆ ว่าจะเลือกพรรคที่เข้าไปแก้ปัญหาสีเทา แก้ปัญหาปากท้องและความเหลื่อมล้ำ”
สำหรับโอกาสแลนด์สไลด์ นายณัฐพงษ์ เชื่อว่าเสียงประชาชนจะตัดสิน และคงไม่ไปพูดทำแคมเปญเหมือนพรรคอื่นทำมา แต่เอาทีมบริหารมืออาชีพ เจตจำนงที่แน่วแน่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69
นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า มั่นใจในทีมงานที่เข้มแข็ง ตนเป็นผู้นำที่มีทีมที่เข้มแข็ง ไม่มีผู้นำที่ไหนในโลกนี้ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน จะทำสำเร็จได้ถ้าไม่มีทีมที่ดี ตนเชื่อมั่นว่าความเป็นพรรคมวลชน มาจากทุนบริจาคของประชาชน ไม่ได้มาจากทุนเทา ไม่เอามุ้งใหญ่ ไม่เอาทุนใหญ่ เชื่อว่า 3 ไม่นี้ทำให้เราแก้ปัญหาได้
“ผมพูดชัดว่าไม่ยกมือโหวตให้อนุทินเป็นครั้งที่ 2 และประกาศไปแล้วว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เป็นจุดยืนของพรรคประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า”
ส่วนการบอกว่าไม่ร่วมกล้าธรรม แสดงว่าร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องตอบแบบกลับกันว่า ถ้าเราไม่มีเสียงมากพอ ไม่เข้มแข็งพอที่จะบอกว่าไม่เอารัฐมนตรีสีเทา เราก็ไม่ร่วม แต่หากเป็นรัฐบาลพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องเข้มแข็งพอที่จะบอกได้ว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคอื่นเป็นอย่างไรบ้าง เช่น ดร. ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งยอมรับว่าก็ชื่นชมเสียงตอบรับ ในเวทีดีเบตก็ตอบได้ดี แต่สิ่งที่ตนอยากให้ประชาชนใช้เป็นจุดตัด คือจุดยืนทางการเมือง ความกล้าหาญทางการเมืองเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ เพราะอำนาจทำลายคน เจตจำนงทางการเมืองว่าเขามาทำงานการเมืองเพราะอะไร เป็นสิ่งสำคัญ
ส่วนที่นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย เปิดตัว นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะมองเป็นคู่แข่งไหม นายณัฐพงษ์ ตอบว่า หลายคนวิเคราะห์ว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นฝ่ายอนุรักษนิยม พรรคประชาชนเป็นเสรีนิยมที่ก้าวหน้า ซึ่งตนเชื่อว่าพรรคประชาชนเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของประชาชน
สำหรับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หากเป็นนายกรัฐมนตรีจะแก้ไขอย่างไร นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ปัญหาสำคัญคือการปกป้องอธิปไตยของประเทศ สถานการณ์ขยายความขัดแย้งมีมานาน ความจำเป็นเร่งด่วนต้องขจัดภัยคุกคาม นอกจากแนวรบทหาร การใช้แนวรบทางการทูต ให้โลกล้อมกัมพูชา และการปราบสแกมเมอร์ ต้องทำด้วย เพราะเราได้รับข้อมูลมาหลังบ้านว่าแหล่งเงินสแกมเมอร์ถูกนำมาซื้ออาวุธมาสู้รบกับไทย จึงต้องปราบสแกมเมอร์ ตัดเส้นทางการเงินทำลายระบอบฮุน เซน
ส่วนปัญหา 44 สส. ที่อยู่ระหว่างพิจารณาของ ป.ป.ช. นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าอยากยืนยันในหลักการ เราเป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรไม่ควรเป็นคดี แต่กระบวนการนิติสงครามที่เกิดขึ้น เราไม่ประมาท จะเห็นว่ามี สส. จากเขต ที่ย้ายไปลงบัญชีรายชื่อ รวมถึงคดี 112 เราก็เตรียมไว้ล่วงหน้า
“อย่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็มี 3 คน เพื่อให้มั่นใจว่า คดีต่าง ๆ ไม่กระทบกับการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน และแม้ ป.ป.ช. กำลังพิจารณาจะไม่ส่งผลต่อการสมัคร สส. มีแต่กังวลว่าจะมีการใช้ช่องทางนี้มาทำลายล้างทางการเมือง ซึ่งการส่งเรื่องจาก ป.ป.ช. ไปศาลฎีกา จะเป็นแค่การสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ซึ่งตอนนี้ยุบสภาไปแล้ว เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งไปแล้ว โหวตนายกฯ ไปแล้ว กว่ากระบวนการศาลฎีกาจะสิ้นสุดใช้เวลา 1-2 ปีแน่นอน”
นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงนี้ยังอยู่เปิดรับลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต นอกราชอาณาจักร ซึ่งการเลือกตั้งเป็นอย่างไร อยู่ที่เสียงของประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง พรรคประชาชนพร้อมยอมรับการตัดสินของประชาชนทุกรูปแบบ ถ้าเราแพ้เราก็ยอมรับว่าประชาชนไปใช้สิทธิอย่างถล่มทลาย จึงอยากให้ กกต. และหน่วยงานรัฐอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด
“อย่าลืมลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง นอกราชอาณาจักร ทุกเสียงมีความหมาย อยากให้สนับสนุนพรรคประชาชน อยากให้เชื่อว่าเราเข้ามาเพื่อการเปลี่ยนแปลง ให้ไทยเท่ากัน ไทยไม่เทา และไทยทันโลกครับ” นายณัฐพงษ์ กล่าวย้ำ













