POLITICS

‘อนุทิน’ ปาฐกถาพิเศษ ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี

‘อนุทิน’ ปาฐกถาพิเศษในงาน Thailand – China Cooperation Expo 2025 ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ชู 5 มิติส่งเสริมความร่วมมือสู่อนาคต พร้อมเป็นประตูที่สำคัญในการนำไปสู่ความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน

วันนี้ (26 ก.ย. 68) เวลา 10:30 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Thailand – China Cooperation Expo 2025 มหกรรมครั้งยิ่งใหญ่เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษภายในงาน

พลเอกสุรยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า งานนี้ถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ความเชื่อมั่นความไว้วางใจ และความร่วมมือในทุกด้าน ที่ทั้งสองประเทศมีให้แก่กันมายาวนาน ซึ่งในระดับประมุขแห่งรัฐที่มีความผูกพันมั่นคง ระหว่างพระราชสำนักของทั้งสองประเทศตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งเป็นรากฐานแห่งความสัมพันธ์บนความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์ความมั่นคงต่อไปต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ระดับรัฐต่อรัฐที่ดำเนินมาภายใต้ ดำเนินการเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน, ระดับประชาชนต่อประชาชน ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงประหนึ่งครอบครัวเดียวกันดังคำกล่าวที่มีมานานว่า จีน ไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน และระดับภาคเอกชนต่อภาคเอกชน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนทางธุรกิจ กิจการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่คนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป ซึ่งในปีอันเป็นมงคลนี้ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีนยังได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมสำคัญอื่นๆ อีกมากมายซึ่งสะท้อนถึงพลังแห่งมิตรภาพ ที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยกันอย่างยั่งยืน

ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวบนเวทีว่า ในวาระครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตทั้ง 2 ประเทศ ร่วมกันสร้างรากฐานความร่วมมือที่มั่นคงในทุกมิติการค้า การลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน มั่นใจว่ารากฐานนี้จะนำพาไปสู่โอกาสใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

จีนทำให้เห็นถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และการเป็นผู้นำพลังงานสะอาด ประเทศไทยกำลังยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจ เพื่อตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต การมาบรรจบกันทางศักยภาพของทั้งสองประเทศ จึงเป็นโอกาสทองที่พวกเราจะร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองใน 5 มิติ

1. มิติการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC), รถไฟโครงการความเร็วสูงไทย-จีน ที่เชื่อมอาเซียนกับจีนตอนใต้ สร้างเครือข่ายการค้าและการท่องเที่ยวที่ไร้รอยต่อ

2. มิติเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี รวมถึงแบตเตอรี่โดยมีจีนเป็นพันธมิตรหลัก ได้กำหนดแผนพัฒนาการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจฉบับใหม่ระยะ 5 ปีตั้งแต่ปี 2568-2572 เพื่อขยายความร่วมมือสู่สาขายุทธศาสตร์ใหม่ ได้แก่ เซมิควอนด็อกเตอร์ แบตเตอรี่พลังผลิตสีเขียว

3. มิติเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจดิจิตัล เชื่อมโยงระบบการเงินการค้าข้ามพรมแดน และการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งไทยและจีน โดยเฉพาะ SMEs และสตาร์ทอัพ ได้เข้าถึงตลาดใหม่ได้สะดวก

4. มิติการเกษตรและความมั่นคงทางทหาร

5. มิติการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ทั้งการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากรวิชาชีพ ด้านภาษา วัฒนธรรม ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีความแน่นแฟ้นอยู่บนรากฐานของความเข้าอกเข้าใจ ต่อยอดจากมรดกทางวัฒนธรรม ที่บรรพบุรุษของทั้งสองประเทศได้สืบสาน

เรามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการค้าการลงทุน และนวัตกรรมของภูมิภาค โดยร่วมมือกับจีนอย่างใกล้ชิด เดินหน้าลดอุปสรรค ปรับปรุงกฎระเบียบและเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเติบโต ประเทศไทยจะพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ แต่จะเป็นประตูสำคัญเปิดสู่ความร่วมมืออื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้มิตรภาพที่มีต่อกันอย่างยาวนานระหว่างไทย และจีนเป็นเหมือนสปริงบอร์ด ที่จะนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายในงายยังมีการนำบริษัทจากประเทศจีน และสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะโดยเฉพาะ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตร มาร่วมจัดแสดงนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ

Related Posts

Send this to a friend