‘ลิซ่า’ แนะรัฐบาลใช้ 4 เดือนเริ่มใหม่ศึกษาผลกระทบ แลนด์บริดจ์
‘ลิซ่า’ แนะรัฐบาลภูมิใจไทย ใช้ 4 เดือนเริ่มใหม่ศึกษาผลกระทบโครงการแลนด์บริดจ์ให้เป็นที่ยอมรับ อย่าให้ภาคใต้ซ้ำรอยความล้มเหลว EEC
วันนี้ (17 ก.ย. 68) นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล จะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้ ว่าแม้รัฐบาลภูมิใจไทยจะมีอายุแค่ 4 เดือน แต่ชัดเจนว่าว่าที่รัฐมนตรียืนยันชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งตนมีข้อกังวลที่อยากสื่อสารไปยังรัฐบาลภูมิใจไทย
ข้อแรก ท่านคงเห็นความกังวลและเสียงคัดค้านจากประชาชนและภาคประชาสังคมต่อโครงการแลนด์บริดจ์ แม้นโยบายแลนด์บริดจ์เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ใช้ในการหาเสียงเมื่อปี 2566 ซึ่งต่างจากพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้หาเสียงไว้แต่กลับพยายามผลักดัน ดังนั้นในเมื่อนโยบายนี้เป็นความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว ควรเริ่มใหม่ให้ถูกต้อง ทำกระบวนการต่าง ๆ ให้ชัดเจน เป็นที่ยอมรับของประชาชน เพื่อเป็นการยืนยันว่านโยบายที่ใช้หาเสียงคิดมาดีแล้ว อย่าดันทุรังไปต่อจากสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำไว้ ไม่เช่นนั้น ประชาชนในภาคใต้ที่ท่านอ้างหนักหนาว่าได้ประโยชน์ จะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยไม่ต่างกัน คืออ้างการพัฒนาเพื่อประชาชน แต่สุดท้ายเร่งรีบเอื้อผลประโยชน์ให้นายทุน
ข้อสอง ท่านควรเริ่มต้นกระบวนการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) เสียใหม่ อย่าอ้างว่าหากนับหนึ่งใหม่จะเสียเวลาและเอารายงานกรรมาธิการวิสามัญแลนด์บริดจ์ในส่วนที่ยังไม่มีคำตอบ โดยเฉพาะเรื่องความคุ้มค่ามาศึกษาเพิ่มเติม เวลา 4 เดือน หากจะเริ่มต้นกระบวนการรับฟังความเห็นและศึกษาความคุ้มค่าอย่างจริงจัง ไม่เสียเวลาเกินไป แถมยังส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในการผลักดันนโยบาย โครงการขนาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตคนมากมาย ท่านต้องตอบข้อสงสัยของคนในพื้นที่และภาคประชาชนให้ได้ มีเหตุผลหลักฐานความคุ้มค่ารองรับ
ข้อสาม คุณอนุทินย้ำอยู่เสมอว่าตัวเองและพรรคภูมิใจไทยรับฟังเสียงประชาชน จึงอยากให้ยึดหลักนี้กับการเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ด้วย ไม่ใช่เลือกฟังเฉพาะบางเรื่องแต่ยกเว้นกับบางเรื่อง และที่สำคัญ อย่าอ้างการพัฒนาในภาคใต้โดยยกตัวอย่างโครงการอีอีซี ความเสียหายล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับคนในพื้นที่ภาคตะวันออกไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำกับพี่น้องในภาคใต้
สุดท้ายพรรคประชาชนยืนยันว่าเราไม่ได้ขัดขวางการพัฒนาในภาคใต้ และอย่านำความกังวลของตนไปบิดเบือนว่าตนขวางการพัฒนาบ้านเกิด แต่การพัฒนาที่อ้างว่าเพื่อสร้างเศรษฐกิจในภาคใต้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ควรคิดอย่างรอบคอบ เปรียบเทียบกับรูปแบบการพัฒนาอื่นๆ ที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องภาคใต้และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปด้วยกันได้
“ถ้าท่านไม่ทำให้กระบวนการศึกษาโครงการเป็นที่ยอมรับ คนทั้งประเทศก็จะคาใจอยู่อย่างนั้นว่าทำไมรัฐบาลภูมิใจไทยมุ่งมั่นดันเมกะโปรเจกต์นี้เหลือเกิน ทั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเลยว่าทำแล้วคุ้มค่าหรือคนพื้นที่ได้ประโยชน์อย่างไร ด้วยความหวังดี ถ้าท่านเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ ประชาชนอาจจะตั้งคำถามว่าหรือเป็นเพราะคนที่คุ้มที่สุด ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ที่สุด ไม่ใช่พี่น้องคนใต้ แต่เป็นนายทุนเครือข่ายของผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่” นางสาวภคมน ทิ้งท้าย












