‘เอกนัฏ’ สั่งเร่งเช็คคุณภาพอากาศรอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
‘เอกนัฏ’ สั่งเร่งเช็คคุณภาพอากาศรอบพื้นที่โกดังที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ย่านลาดกระบัง ก่อนตรวจลักลอบทำธุรกิจผิดประเภทหรือไม่ หลังจดทะเบียนเป็นแค่โกดัง
วันนี้ (13 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ว่า ขณะนี้มีการนำรถโมบายของนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าไปตรวจสอบอากาศในพื้นที่ภาพรวมและตรวจสารเคมีรั่วไหล โดยจะรายงานให้ทางกรุงเทพมหานครและประชาชนทราบ รวมถึงตอนนี้กรมโรงงาน ได้เข้าไปประจำในพื้นที่ พร้อมยืนยันว่าจุดที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นการขออนุญาตจดทะเบียนเป็นโกดังเพื่อใช้เก็บวัตถุดิบ และสินค้าให้แก่โรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นอีกบริษัทหนึ่งแต่เจ้าของเดียวกัน ที่ผลิตเครื่องมือเครื่องใช้จากพลาสติก
ทั้งนี้ หากเพลิงสงบ กระทรวงฯ ก็จะเข้าไปตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ว่าเกิดจากการดำเนินกิจการ หรือลักลอบประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่ ซึ่งถือว่าไม่ควร เนื่องจากมีการขออนุญาตเพียงใช้เก็บของเท่านั้น
นายเอกนัฏ ยังอธิบายอีกด้วยว่า หากมีการไปประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่ ที่ไม่ได้ขออนุญาต ก็จะมีความผิดโทษจำคุก 2 ปี แต่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือในที่เกิดเหตุสภาพอากาศไม่ดี พบสารก่อมะเร็งในอากาศจึงต้องอพยพประชาชนในพื้นที่ออก เนื่องจากสารเหล่านี้เมื่ออยู่ในอากาศสามารถเดินทางได้ 700 เมตร จึงแนะนำ กทม. ไม่ควรให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ใกล้เคียง
ส่วนการที่ฝนตกลงมาจะช่วยบรรเทาสภาพอากาศได้หรือไม่นั้น รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่าก็ช่วยได้บ้าง แต่จากการสันนิษฐานต้นเหตุของเพลิงไหม้ เกิดจากเม็ดพลาสติก เมื่อไฟไหม้ถึงแม้จะมีการฉีดน้ำและเกิดฝนตก แต่ภายในกองเม็ดพลาสติกยังมีความร้อนระอุอยู่ จึงต้องฉีดโฟมเพื่อให้ไอเย็นเข้าไปในกองเม็ดพลาสติกพร้อมต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา
นายเอกนัฏ ยังเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้รายงานให้เลขาธิการนายกฯ ทราบ เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่โดยรอบ กทม. มีการลักลอบประกอบกิจการโรงงาน โดยเลี่ยงจดทะเบียนเป็นโกดัง และรายงานนายกรัฐมนตรี ว่าจะต้องมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีการลักลอบประกอบกิจการ และอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายมหาดไทยและอุตสาหกรรม โดยจะต้องบูรณาการกันทุกภาคส่วนและเข้าตรวจตราอย่างเข้มงวด
