‘บลิงเคน’ ปลุกอาเซียน กดดันรัฐบาลเมียนมา หวังหยุดระบอบกดขี่-ฟื้นเส้นทางประชาธิปไตย

วันนี้ (10 ก.ค. 65) แอนโทนี เจ. บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีวิกฤตการณ์เมียนมาที่กระทบถึงไทย โดยที่ “ฉันทามติ 5 ข้อ” ที่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ร่วมตกลงกันไว้ ยังไม่บรรลุต่อการยุติสถานการณ์ในเมียนมาได้อย่างจริงจัง
บลิงเคน กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียใจที่เรายังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นเท่าไรนัก แต่กลับเห็นระบอบที่กดขี่ผู้คน ใช้ความรุนแรงกับประชาชน จับกุมคุมขังคนเห็นต่าง โดยที่ท้ายที่สุดระบอบการปกครองก็ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน กลับกันกลับยังสร้างความตึงเครียดผ่านคลื่นผู้หนีภัยที่เข้ามายังไทย ซึ่งเราชื่นชมการให้ความช่วยเหลือข้ามพรมแดนของไทย ผ่านการขยายความร่วมมืออย่างเช่น การจัดสรรวัคซีนให้กับผู้พลัดถิ่น
อย่างไรก็ตาม บลิงเคน ยังกล่าวเรียกร้องว่า ทุกประเทศต้องพูดให้ชัดถึงสิ่งที่ระบอบเมียนมากำลังทำอยู่ ทั้งการกดขี่และความป่าเถื่อน เราต้องกดดันให้ระบอบรับผิดชอบต่อสิ่งที่ระบอบนั้นทำ เพราะแม้จะมีการตกลงครั้งสำคัญเป็นฉันทามติ 5 ข้อแล้วก็ตาม แต่การปฏิบัติยังไม่เกิดขึ้น รวมไปถึงการปลดปล่อยนักโทษทางการเมือง และการฟื้นฟูครรลองประชาธิปไตยในเมียนมา
“ทุกประเทศต้องแสวงหาหนทางกดดัน เพื่อให้เมียนมากลับสู่หนทางตามระบอบประชาธิปไตย” บลิงเคน กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ สำหรับฉันทามติ 5 ข้อที่ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนวาระพิเศษมีมติรับรองไว้เมื่อเดือนเมษายน 2565 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ประกอบด้วย
1. จะต้องยุติความรุนแรงในเมียนมาโดยทันที และทุกฝ่ายจะต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่
2. การเจรจาที่สร้างสรรค์ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อหาทางออกอย่างสันติเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
3. ทูตพิเศษของประธานอาเซียนจะอำนวยความสะดวกเป็นสื่อกลางของกระบวนการเจรจาโดยความช่วยเหลือของเลขาธิการอาเซียน
4. อาเซียนจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านทางศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติ (AHA)
5. ทูตและคณะผู้แทนพิเศษจะเดินทางไปเยือนเมียนมาเพื่อพบปะกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เรื่อง/ ภาพ: ณัฐนนท์ เจริญชัย