TRAVEL

SiteMinder เจาะลึกอิทธิพลนักเดินทางชาวจีนและอินเดีย ที่อุตสาหกรรมที่พักทั่วโลกต้องปรับตัว

SiteMinder เจาะข้อมูลเชิงลึกที่สะท้อนถึงอิทธิพลของนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียต่อประเทศไทยรวมถึงประเทศอื่น ๆ ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมจำเป็นต้องศึกษาแนวทางปรับตัวสำคัญเพื่อใช้ในการพิจารณาวางกลยุทธ์รับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะการปรับตัวด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ที่มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเข้าพักของนักเดินทางกลุ่มดังกล่าว

แบรด ไฮนส์ รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บริษัท SiteMinder เปิดเผยว่า ในปี 2561 ประชากรจีนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศหรือประมาณ 700 ล้านคน ก้าวเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง และคาดว่าภายในปี 2576 สัดส่วนประชากรชาวจีนกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปัจจุบัน จะมีเงินเพียงพอเพื่อใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน โดยมีสัดส่วนชนชั้นกลาง คิดเป็นสัดส่วน 31% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38% ภายในปี 2574 อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าภายในปี 2576 จำนวนครอบครัวชาวอินเดียมากกว่า 3 เท่า จะมีกำลังซื้อมากพอในการเดินทางระหว่างประเทศเมื่อเทียบกับปัจจุบัน

แบรด ไฮนส์ ชี้ว่าหากประเมินจากอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ความต้องการในการเดินทาง รวมถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมแล้ว มีความเป้นไปได้ที่เราอาจจะประเมินผลกระทบเชิงบวกของนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียที่มีต่อการจองที่พักในอีก 10 ปีข้างหน้าน้อยไป

รายงาน Changing Traveller Report 2023 ของ SiteMinder ซึ่งเป็นข้อมูลจากการสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวมากกว่า 10,000 คนทั่วโลก พบว่า 77% ของนักเดินทางชาวจีน และ 78% ของนักเดินทางชาวอินเดีย มี ‘แนวโน้ม’ หรือ ‘มีโอกาสมาก’ ที่จะท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศในอีก 12 เดือนข้างหน้า เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 57%

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก มีแนวทางปรับตัวสำคัญ 5 ประการที่นักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียมีแนวโน้มที่จะผลักดันอุตสาหกรรมให้พัฒนาไปในชิงบวกในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวจากประเทศทั้งสองเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแนวทางเหล่านี้ นับเป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมใช้ในการพิจารณาเพื่อวางกลยุทธ์รับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคต ประกอบด้วย

1.การเติบโตทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว จะยิ่งเร่งให้ธุรกิจที่พักมีการปรับใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น นักเดินทางจากจีนและอินเดียจัดอยู่ในแถวหน้าของการใช้เทคโนโลยีทั่วโลก เห็นได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนมองว่าการมีแชทบอทบนเว็บไซต์ของสถานที่พักเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวอินเดียก็มองว่าการเข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์ของที่พักบนมือถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีน (88%) และนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย (84%) มี ‘แนวโน้ม’ หรือ ‘มีโอกาสมาก’ ที่จะใช้ AI ในการแนะนำสถานที่พัก

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีน (92%) และนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย (87%) เปิดกว้างกับการนำ AR และ VR มาใช้ในการสำรวจที่พักหรือการสร้างประสบการณ์ใหม่ระหว่างการเข้าพัก อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย ประมาณ 50% ต้องการให้ที่พักติดต่อสื่อสารกับพวกเขาผ่านอุปกรณ์เมื่ออยู่ที่ที่พัก และมากกว่า 9 ใน 10 มองว่าการจองที่พักและประสบการณ์การพักผ่อนของพวกเขาจะดีมากยิ่งขึ้นได้ หากธุรกิจที่พักมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้มากยิ่งขึ้น

2.แนวโน้มการเลิกจองระหว่างทางบนเว็บไซต์จะกดดันให้ผู้ประกอบการหันมาลงทุนกันมากขึ้น นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเกือบ 70% มีแนวโน้มที่จะไม่จองที่พักต่อหากพบเจอประสบการณ์ดิจิทัลที่ไม่ดี และนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 50% จะไม่จองที่พักต่อเช่นกัน หากพบเจอเว็บไซต์ที่ประเมินผลช้า รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูไม่ปลอดภัย ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ เป็นข้อกังวลสำคัญที่นักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศคำนึงถึง

3.การเปิดรับต่อบริการเสริมของนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น จะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมองหาเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มรายได้ นักท่องเที่ยวชาวจีน (52%) และนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย (51%) ต้องการได้รับบริการที่ปรับให้ตรงกับความต้องการส่วนบุคคลมากกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มที่จะจองบริการรับส่งสนามบินมากที่สุด ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียมีแนวโน้มที่จะจองบริการสปาทรีตเมนต์มากที่สุด โดยนักท่องเที่ยวมากกว่า 90% จากทั้งสองประเทศ ยินดีที่จะจ่ายบริการเสริมในการเข้าพักครั้งถัดไปที่นอกเหนือจากค่าห้องพัก

4.แนวโน้มที่จะทํางานในการเดินทางครั้งถัดไป ช่วยให้มั่นใจว่าแผนเดินทางแบบ Bleisure ยังคงมีความสำคัญ นักเดินทางชาวจีนและอินเดียส่วนใหญ่ยังคงมีแนวโนมที่จะทํางานในการเดินทางครั้งถัดไป แม้ว่าการเดินทางแบบ Bleisure จะลดลงทั่วโลกเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนก็ตาม นักเดินทางชาวอินเดียถึง 60% วางแผนที่จะทำงานระหว่างการเข้าพักครั้งต่อไป ซึ่งนับว่าสูงที่สุดและสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 24% ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกือบ 50% ตั้งใจที่จะทำงานในระหว่างการเดินทางครั้งต่อไปเช่นกัน

5.ความต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ระหว่างการเข้าพักจะผลักดันให้ที่พักเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณครึ่งหนึ่งเลือกที่จะกลับมาใหม่หากที่พักมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเมื่อนักท่องเที่ยวต้องการประสบการณ์การเข้าพักที่แตกต่างมากขึ้น เรื่องของราคาของสถานที่พักก็มีความหมายน้อยลง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียถึง 2 ใน 3 กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สปา หรือการจัดงาน มีความสำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียวางแผนที่จะใช้เวลาในสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าประเทศอื่น ๆ

Related Posts

Send this to a friend