POLITICS

‘ไทกร’ ยื่น กมธ.เกษตรฯ ขอให้ใช้อำนาจตรวจสอบหมูเถื่อน

‘ไทกร’ ยื่น กมธ.เกษตรฯ ขอให้ใช้อำนาจตรวจสอบหมูเถื่อน หลังประชาชนเดือดร้อน ซัด ขรก. ที่เกี่ยวข้องเป็นโจรในเครื่องแบบ ด้าน กมธ. เตรียมนัดดีเอสไอแจงเรื่อง 14 ธ.ค. นี้

วันนี้ (29 พ.ย. 66) ที่รัฐสภา นายไทกร พลสุวรรณ ตัวแทนประชาชน ยื่นหนังสือต่อ นายศักดินัย นุ่มหนู สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) จังหวัดตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร เขอให้ตรวจสอบเรื่องการทำลายเนื้อสุกรผิดกฎหมายจำนวน 4,500 ตัน ของกรมปศุสัตว์ซึ่งมีพฤติกรรมพิรุธน่าสงสัย

นายไทกร กล่าวว่า หลังจากที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งให้มีการทำลายเนื้อหมูเถื่อนที่อยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 4,500 ตันในทางลับ ซึ่งเรื่องนี้มีการส่อพิรุธโดยอ้างเหตุว่ามีกระบวนการต่อต้านการฝังกลบเนื้อหมูเถื่อน ของกลางที่จับได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการทำงานของกรมปศุสัตว์ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ไร้จิตสำนึก เอาหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ระบุว่าติดโรคระบาดไปฝังที่อำเภอคลองหาด จ.สระแก้ว ฝังแค่ 30 ตัน กลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งไปทั่ว จนชาวบ้านประท้วง ซึ่งสาเหตุที่ชาวบ้านไม่ให้ฝังเพราะไม่มีการทำประชาคมของชาวบ้านในพื้นที่และเป็นการกระทำที่ผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมถึงผิดพ.ร.บ.การสาธารณสุข และผิดกฎกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ ผิด พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ เพราะกรมปศุสัตว์แจ้งว่าเนื้อหมูที่อยู่ในคลังสินค้าของท่าเรือแหลมฉบังติดเชื้อโรคที่ระบาดได้ไกลถึง 259 กิโลเมตร จึงถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเลี้ยงสัตว์และการทำปศุสัตว์ในประเทศ

นายไทกร กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องมาอาศัยอำนาจของ กมธ. เพราะเห็นว่าประวัติแต่ละคนที่ดูแลเรื่องการกำจัดหมูเถื่อน 4,500 ตันนั้น ดูแล้วไม่โปร่งใส และจะเชื่อได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้จะไม่เอาหมูเถื่อนเข้ามาเวียนขายอีก นอกจากนี้ ยังเห็นอีกว่า 90% ที่นำหมูเถื่อนเข้ามามีการเขียนสำแดงสินค้าว่า หัวปลาแซลมอน

“พวกนี้ไม่ใช่ข้าราชการ พวกนี้คือโจรในเครื่องแบบ คนที่เป็นสุจริตชนไม่มีใครปกป้องโจร มีแต่โจรด้วยกันที่ปกป้องโจร ต้องฝากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถ้าจะกวาดล้างต้องล้างทั้งหมด ทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการที่นำเข้ามา ทำงานล่าช้า ไม่ใช่ย้ายเฉพาะอธิบดีดีเอสไอ แล้วคนอื่นลอยหน้าลอยตาแบบนี้ ขอให้ กมธ. เร่งใช้อำนาจจัดการเรื่องนี้” นายไทกร กล่าว

นายไทกร ระบุว่า กรณีที่มีการย้ายอธิบดีดีเอสไอเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เพราะย้ายหลังจากที่ไปจับห้างของเจ้าสัว และในวันถัดไปก็มาย้ายเขา มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เรื่องนี้นายกฯ ต้องทำให้ความจริงปรากฎ ยืนยันไม่รู้ครั้งที่ร้อยแปดว่าตนเองเป็นรัฐบาลของประชาชนแต่พฤติกรรมของนายกฯ เป็นรัฐบาลลูกสมุนเจ้าสัว

ด้านนายศักดินัย กล่าวว่า ทาง กมธ. จะนำเรื่องนี้เข้ามาดำเนินการและจะติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะลงไปดูกระบวนการในการทำงานว่ามีการทำอย่างไร ทั้งนี้ จะมีการเชิญดีเอสไอในวันที่ 14 ธ.ค. เพื่อเข้ามาให้ข้อมูล

Related Posts

Send this to a friend