POLITICS

‘ชัยวุฒิ’ เอาจริงหลังเจ้าหน้าที่รัฐผิด PDPA

‘ชัยวุฒิ’ ขอบคุณตำรวจทลายแก๊งพนันออนไลน์ เอาผิดแล้ว 184 คดี เผย พล.อ.ประวิตร นัดทุกหน่วยงานถกปัญหาอาชญากรรมออนไลน์สัปดาห์หน้า หลังพบ จนท.รัฐ ตัวการขายข้อมูลแก๊งคอลเซนเตอร์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกำลังเข้าจับกุมแก๊งแอพพลิเคชั่นพนันออนไลน์ ชาวจีนกว่า 50 คน ที่มีเงินหมุนเวียนมากถึง 500 ล้านบาท โดยได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ทั้ง ตำรวจไซเบอร์ ตำรวจนครบาล และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่เร่งรัด กวาดล้าง ปัญหาอาชญากรรม ทั้งอาชญากรรมออนไลน์ และสถานที่อโคจรต่างๆ ตามนโยบายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เน้นย้ำ ให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในห้วงของการประชุมเอเปค 2022

ในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ได้ประชุมติดตามสถานการณ์ และหาแนวทางเร่งรัดและแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ธนาคารแห่งประเทศไทยกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดแก้ปัญหา โดยเฉพาะการหลอกลวงทางการเงิน ใน 5 ด้าน ได้แก่

  1. แก๊ง Call Center 2. แชร์ลูกโซ่-ระดมทุนออนไลน์ 3. การพนันออนไลน์ 4. บัญชีม้า 5. การหลอกหลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ ซึ่งพบว่า คนร้ายมีการปรับรูปแบบและวิธีการหลอกหลวงประชาชน จนมีเหยื่อหลงเชื่อเป็นจำนวนมากและมีการจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง จากสถิติผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ปี พ.ศ. 2565 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึง วันที่ 24 ตุลาคม 2565 ศาลมีคำสั่งลงโทษผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แล้ว 184 คำสั่ง มี URLs ที่ผิดกฎหมายจำนวน 4,736 URLs

นอกจากนี้ล่าสุดทางตำรวจยังมีการสอบสวนขยายผล กรณีแก๊ง Call Center พบเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นตัวการในการขายข้อมูลในระบบราชการของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้มีความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ของกระทรวงดีอีเอสโดยตรง ฐานนำข้อมูลส่วนบุคคล ผู้อื่นไปขาย มีโทษอาญาจำคุกสูงสุด 1 ปี ต่อกรรม หากขายข้อมูล 10 คน ก็จะมีโทษถึง 10 ปี ถ้า 100 คนโทษก็จะเพิ่มขึ้นเป็น100 ปี

นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษอาญา จำคุก 2 ปี และหากขายข้อมูลจนทำให้เสียหายเป็นวงกว้าง ทางสังคมโทษ จำคุกสูงสุดถึง 7 ปี จึงขอเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน บุคคลที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นๆได้ ให้ระวัง การกระทำที่ผิดกฎหมาย

นายชัยวุฒิเปิดเผยด้วยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับงานด้านนี้ ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสัปดาห์หน้าได้นัดประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้าเพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นรูปธรรม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย

Related Posts

Send this to a friend