POLITICS

รมว.ยุติธรรม ร่วมกับ รอง ผบ.ตร. แถลงจับยาเสพติดล็อตใหญ่ มูลค่ากว่า 300 ล้าน

รมว.ยุติธรรม ร่วมกับ รอง ผบ.ตร. แถลงผลจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ในพื้นที่นครปฐม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ด้าน ’พล.ต.อ.ต่อศักดิ์‘ ปัดตอบเรื่องรับตำแหน่ง ย้ำ ยังเป็นรอง ผบ.ตร. ขอให้รอโปรดเกล้าฯ

วันนี้ (28 ก.ย. 66) เวลา 14:30 น. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และชุดทีมจับกุม บก.สปพ. แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.นครปฐม พร้อมตรวจยืดของกลางยาเสพติดจำนวนมากในหลายรายการ มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

โดยของกลางประกอบด้วย ยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 443 แท่ง ยาไอซ์ 420 กิโลกรัม แฮปปี้วอเทอร์ จำนวน 3 กระสอบ ไฟว์ไฟว์ หรือ อิริมินไฟว์ จำนวน 4 กระสอบ พร้อมยึดของกลางรถยนต์จำนวน 9 คัน และโทรศัพท์มือถืออีก 9 เครื่อง ซึ่งสามารถตรวจยึดได้ที่บ้านพัก ในตำบลลำพญา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เมื่อช่วงค่ำของวานนี้ (27 ก.ย.66) พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 4 คน สำหรับการจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลการสอบสวนเครือข่ายยาเสพติด กลุ่มนายอภิชาติ ก่อนหน้านี้ที่มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดใน จ.นครปฐม

พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า วันนี้มาให้กำลังใจ รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และทีมงานที่เข้าทำการจับกุม โดยวันนี้ถือว่าเป็นผลงานครั้งสำคัญ ซึ่งจุดที่เข้าตรวจยึดเป็นแหล่งพักยาที่ใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ และอยู่ในพื้นที่ใจกลางของประเทศ รวมถึงผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเคยมีประวัติเรื่องยาเสพติด และหลังจากนี้จะต้องมีการขยายผลต่อไป เพราะเป็นวาระของรัฐบาลที่ถูกโจมตีด้วยยาเสพติด ที่ถูกนำเข้ามาจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยในปีนี้ถูกนำเข้ามาเยอะกว่า 500 ล้านเม็ด

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เราจะต้องมีการยกระดับให้เป็นปัญหาของภูมิภาค โดยได้มีการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด และกระทรวงยุติธรรมจะทำงานร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีนโยบายเดียวกันในเรื่องของการควบคุม ควบคุมการนำเข้า – ส่งออกสารเคมีตั้งต้น รวมถึงการบำบัดผู้ติดยาเสดติดให้หายขาด

พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การจับยาเสพติดในครั้งนี้ไม่ได้มีการเตรียมการ เพราะทีมงานของ รอง ผบ.ตร. ใช้ความอดทน และไหวพริบในการสืบสวนสอบสวน เฝ้าติดตาม เป็นระยะเวลามากว่า 2 ปี โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะสนับสนุนข้อมูล เพื่อให้ผลการดำเนินคดีได้โดยมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว ส่วนการให้คำมั่นในการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้ ตนขอให้ดูที่การกระทำมากกว่า พร้อมชื่นชมรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่มีความเป็นห่วงเยาวชน ที่เป็นผู้เสพยาเสพติดส่วนใหญ่ โดยการจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นการสกัดยาเสพติดล็อตใหญ่ ไม่ให้ออกไปแพร่ระบาด

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวถึงขั้นตอนการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ รวมถึงอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีการเปลี่ยนจุดที่ใช้ในการหลบซ่อนยาเสพติด โดยจุดที่เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาเมื่อคืนนี้ เป็นจุดพักยาเสพติดที่กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการขนย้ายยาเสพติดจากเซฟเฮาส์หลายแห่งมารวมกัน เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้มีการจับกุมผู้เสพได้ 1 ราย ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบ จึงเกิดความกลัว และทำการขนย้ายยาเสพติดมารวมกันที่นี่

สำหรับพฤติการณ์ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้สืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยใช้รถยนต์ตระเวนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าบริเวณถนนบรมราชชนนี และพื้นที่พุทธมณฑลสาย 5 จึงเฝ้าสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้เช่าบ้านไว้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่ตำบลลำพญา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จนเมื่อคืนนี้ ตำรวจได้พบผู้ต้องหาทั้ง 4 คน กำลังนำยาเสพติดไปส่งให้กับลูกค้า จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้นและจับกุม

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้ให้การรับสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เร่งขยายผลไปยังปลายทางต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่ามีการจำหน่ายยาเสพติดภายในประเทศ ให้กับกลุ่มผู้เสพ รวมไปถึงสถานบันเทิงในพื้นที่ด้วย ส่วนต้นทางของยาเสพติด พบว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ โดยเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เหตุใดการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นหลังจากมีมติให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 ทันที พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า การจับกุมในครั้งนี้ ไม่ใช่การจัดฉาก แต่อาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งเมื่อเกิดขึ้น ตำรวจก็มีหน้าที่ตัดโอกาสในการกระทำความผิดทันที คนร้ายไม่ได้มาบอกว่าจะขนยาวันไหน โดยเมื่อคืนนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่ามีเหตุเกิดขึ้น ตนก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่รับผิดชอบงานเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้ตนไปแทน

ส่วนการจับกุมในครั้งนี้ เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ทำให้ถูกเชื่อมโยงไปถึงกรณีกำนันนกว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้อย่าไปโยงถึงกัน ใครทำคดีไหนก็ชัดเจน ต้องไปถามที่คนนั้น พร้อมย้ำว่าตนเอง ดูในเรื่องของงานป้องกันปราบปราม ซึ่งเรื่องยาเสพติดก็ถือเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาตนเองได้ทำเรื่องชุมชนยั่งยืนมานานแล้ว คือเข้าไปแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ไม่ได้เพิ่งมาทำตอนที่มีผลการคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในการที่จะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเน้นนโยบายหลักเรื่องยาเสพติดใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เผยว่า เรื่องยาเสพติด เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลได้กำชับอยู่แล้ว นอกจากนี้ ก็จะมีเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ คอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องการท่องเที่ยวอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับนโยบายในการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และการได้รับคัดเลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตอบว่า เรื่องตำแหน่ง ขอยังไม่ตอบ โดยกล่าวว่าตนยังไม่อยากพูด จนกว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ตนยังเป็นแค่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

Related Posts

Send this to a friend