POLITICS

‘อนุทิน’ โต้ดราม่าตั้ง KPI บีบใช้กัญชา เป็นข้อมูลเท็จ ชี้ การรักษาเป็นดุลพินิจแพทย์

วันนี้ (27 ก.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่มีการอ้างว่า นายจุลภาส ทอม เครือโสภณ ผู้ต้องสงสัยกรณีนำเข้ากัญชาเถื่อน เป็นเพื่อน และเป็น ‘เด็กปั้น’ ของพรรคภูมิใจไทย ว่า

เป็นเพื่อนกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะทำผิดกฎหมายได้ กฎหมายว่าอย่างไร ต้องปฏิบัติตาม มันมีข้อห้ามในการนำเข้าเมล็ดพันธุ์และส่วนประกอบของกัญชาชัดเจน การนำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องระบุว่านำมาใช้วิจัยเพื่อรักษาผู้ป่วยการแพทย์ ฉะนั้น ใครที่ทำเกินกรอบ ถือเป็นความผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับเรื่องเด็กปั้น นั่นเป็นความพยายามที่จะผูกโยงเรื่องให้เกี่ยวข้องกัน เพื่อนคือเพื่อน หน้าที่คือหน้าที่ ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเอง ตอนโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ได้แต่กำลังใจจากเพื่อน เรื่องเด็กปั้นของพรรค ก็ไม่ใช่ความจริง ท่านไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เพียงเชิญท่านมาให้ความรู้เรื่องนโยบายกัญชา เป็นวิทยากร

จากนั้น มีการตั้งคำถามถึงกรณีที่ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีว่าการ สธ. ระบุว่ากำหนด KPI ให้โรงพยาบาล (รพ.) ทุกแห่ง ทำคลินิกกัญชาเพื่อระบายกัญชาออกไปใช้ให้มากที่สุด นายอนุทิน ตอบว่า เรื่องการรักษาเป็นดุลพินิจของแพทย์ ที่ท่านพูดในสภา เป็นข้อมูลเท็จ ที่ไม่ได้ตอบในสภา เพราะตอบเฉพาะเรื่องจริง ข้อเท็จจริงคือ รพ.ทุกแห่งมีคลินิกกัญชาตามที่มีการบรรจุให้ตำรับกัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ทุกอย่างรับผิดชอบโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่มีการตั้ง KPI ว่าแพทย์ต้องเอาใจรัฐมนตรีเป็นพิเศษ กลับกัน แพทย์จะกำหนดการรักษาอย่างไร ขอให้เป็นเรื่องที่แพทย์พิจารณา

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึง กรณีที่ สธ.ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ดำเนินคดีกับผู้ไม่ขออนุญาตศึกษาวิจัย หรือส่งออกสมุนไพรควบคุมหรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 นายอนุทิน ตอบว่า นโยบายกัญชาที่ออกมานั้น ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นหลัก หนังสือที่ส่งไปนั้น มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมการใช้ช่อ ดอก กัญชา ที่จะนำไปแปรรูป การใช้กัญชาไปทำอย่างอื่น เช่นการพันลำจำหน่าย ถือว่ามีความผิดแล้ว เพราะหากจะขายช่อดอก จะต้องขออนุญาต ซึ่งเราไม่มีทางอนุญาตขายเพื่อการสูบเสพนันทนาการ

Related Posts

Send this to a friend