โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ กำชับหน่วยงานรับมือ-เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้า
วันนี้ (27 พ.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูฝนแล้วตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก โดยเฉพาะในพื้นที่มีฝนตกชุกหนาแน่นและต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมการทุกด้านให้พร้อมรับมือทันต่อสถานการณ์ ตลอดจนการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอนุชา กล่าวว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ติดตามสภาพอากาศ พบว่าประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในช่วงวันที่ 27 พ.ค. – 1 มิ.ย. 66 ทั้งนี้ กอนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำนองไม่สามารถระบายได้ทัน ดังนี้
1.ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า)
2.ภาคกลาง จ.เพชรบุรี (อ.เมือง ท่ายาง และบ้านลาด) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน และปราณบุรี)
3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สุรินทร์ (อ.เมือง) จ.บุรีรัมย์ (อ.เมือง) จ.อุบลราชธานี (อ.เมือง และพิบูลมังสาหาร)
4.ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี (อ.เมือง) จ.ระยอง (อ.เมือง และแกลง) จ.จันทบุรี (อ.เมือง) จ.ตราด (อ.เมือง และเขาสมิง)
5.ภาคใต้ จ.ชุมพร (อ.พะโต๊ะ) จ.ระนอง (อ.เมือง กะเปอร์ และสุขสำราญ) จ.พังงา (อ.กะปง คุระบุรี ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง) จ.ภูเก็ต (อ.เมือง กะทู้ และถลาง) จ.กระบี่ (อ.เมือง เกาะลันตา คลองท่อม เหนือคลอง และอ่าวลึก) จ.ตรัง (อ.เมือง กันตัง และปะเหลียน) จ.สตูล (อ.ทุ่งหว้า)
“นายกฯ ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำนองไม่สามารถระบายได้ทัน รวมถึงการเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที โดยสิ่งสำคัญคือให้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์” นายอนุชา กล่าว