POLITICS

‘พิจารณ์’ โต้ ผบ.ทบ. อ้างเป็นเรื่องส่วนตัว เท่ากับไม่หวังแก้เชิงโครงสร้าง

‘พิจารณ์’ ซัดนายกฯ ตีมึน ทุจริตบ้านพักทบ. โต้ ผบ.ทบ. อ้างเป็นเรื่องส่วนตัว เท่ากับไม่หวังแก้เชิงโครงสร้าง ทั้งที่ทหารเอี่ยวถึง 35 นาย ยศสูงสุดระดับนายพล ย้ำเป้า ‘ก้าวไกล’ คือปฏิรูปกองทัพ

วันนี้ (26 ต.ค. 65) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวที่พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพ สืบเนื่องจากกรณีมีการร้องเรียนและเปิดเผยถึงการทุจริตในการกู้เงินของกำลังพลเพื่อการสร้างที่พักอาศัยจากกรมสวัสดิการทหารบก

นายพิจารณ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เราไม่เห็นท่าทีหรือการให้ความเห็นใดๆ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถือว่าน่าผิดหวัง และเป็นที่น่าเคลือบแคลงเป็นอย่างยิ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ เพื่อรับมือไม่ให้เกิดแรงกดดันกลับไปที่กระทรวงกลาโหม หรือกองทัพบก เห็นได้จากท่าที พลเอกประยุทธ์ ที่เป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่นิ่งเฉย ไม่มีความเห็น ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ประหนึ่งว่าจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กและเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

นอกจากนี้ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาให้สัมภาษณ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างบุคคล คือผู้ประกอบการสร้างที่พักอาศัยและกำลังพล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพบก สะท้อนให้เห็นถึงการพูดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเชิงระบบหรือเชิงโครงสร้างของกองทัพ และไม่น่าจะต้องรื้อหรือแก้ไข

นอกจากนี้ การให้สัมภาษณ์ของ พลโทนิรันดร ศรีคชา โฆษกกองทัพบก ในหลายประเด็นว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใดและได้รับการแก้ไขแล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ว่าเรื่องการกู้เงินที่พักอาศัยไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับกรณีกราดยิงที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา สาเหตุที่ออกมาปฏิเสธเช่นนี้ เพราะกองทัพรู้ดีว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ หากสังคมมองว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะสร้างแรงกดดันกดดันมหาศาลให้กองทัพและทำให้ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ พรรคก้าวไกล ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ นายพิจารณ์ ได้ตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นต่อกรณีดังกล่าว คือ

  1. เรื่องนี้ไม่สามารถบอกว่าเป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างผู้ประกอบการและกำลังพล เพราะจากเอกสารหลักฐานที่มี สะท้อนให้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 2554-2564 มีจำนวนรายการของการอนุมัติเงินซื้อบ้านและที่ดินรวม 620 รายการ คิดเป็นวงเงิน 821 ล้านบาท มีการหักหัวคิวหรือเปอร์เซ็นต์ออกไป 61.5 ล้านบาท หรือราว 7-8% กำลังพลผู้กู้เงินที่ได้รับผลกระทบมีตั้งแต่ยศสิบตรีจนถึงพันโท รวมกันแล้วมากกว่า 400 นาย

ส่วนกำลังพลที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีทั้งสิ้นประมาณ 35 นาย ระดับพลตรี 6 นาย พันเอก 14 นาย พันโท 2 นาย พันตรี 4 นาย ร้อยเอก 2 นาย ร้อยโท 2 นาย ร้อยตรี 1 นาย จ่าสิบเอก 3 นาย และข้าราชการพลเรือนกลาโหม 1 คน

  1. ต้องเร่งให้ความเป็นธรรมแก่ทหารชั้นผู้น้อยจำนวนมาก ซึ่งกำลังพลที่ได้รับผลกระทบนั้นอยู่ในระดับนายสิบ มากกว่า 300 นาย จึงอยากใช้โอกาสนี้สื่อสารไปยัง พลเอกประยุทธ์ ถึงเวลาแล้วที่ต้องหยุดทำให้เป็นเรื่องการเมือง อย่าพยายามทำให้เรื่องนี้มีแรงกดดันไปยังกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองในยามที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามา ทั้งที่ต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่เรากลับไม่ได้ยินว่าจะมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด มีเพียงแต่การปัดความรับผิดชอบจากคำให้สัมภาษณ์ต่างๆที่ออกมา
  2. ระบบร้องทุกข์ของกองทัพต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน มีหลักฐานชัดเจนว่าหนึ่งในผู้ประกอบการถูกข่มขู่คุกคามจากชายฉกรรจ์รายหนึ่ง แต่ไม่เห็นมีการสั่งการใดๆจาก พลเอกประยุทธ์ ให้สืบค้นว่าบุคคลในคลิปวิดีโอที่ไปคุกคามผู้ประกอบการเป็นใคร ยังไม่เห็นมีการสั่งการให้สอบสวนว่าเหตุใดคำร้องทุกข์ของผู้ประกอบการถึงผู้บัญชาการกองทัพบก ถึงถูกทำสำเนาส่งมาให้ผู้ถูกร้องและนำไปสู่การคุกคามที่เกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดการอย่างเป็นกระบวนการ ก็จะกลายเป็นกรณีศึกษาให้ทหารชั้นผู้น้อยไม่กล้าร้องทุกข์ หรือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของตนเอง และไม่กล้าที่จะบอกว่ามีการทุจริตในหน่วยงานตัวเอง เพราะเกรงกลัวว่าจะเป็นภัยต่อชีวิตและครอบครัว

ดังนั้น กรณีดังกล่าวกำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยเร่งด่วนของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร เพราะในระยะสั้น ต้องเร่งคืนความเป็นธรรมให้ทหารชั้นผู้น้อย ในระยะกลาง เชื่อว่ากรณีกู้เงินซื้อที่พักอาศัยของกำลังพลไม่ได้เกิดขึ้นแบบจำกัดเฉพาะพื้นที่ แต่ต้องมีการสืบสวนและขยายผลต่อไป ส่วนในระยะยาว ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล จะเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเราจะมีกองทัพที่ทันสมัย สร้างความเป็นธรรมให้กับกำลังพลในทุกระดับได้ หนึ่งในนโยบายหลักคือการเพิ่มสวัสดิการให้กับทหารชั้นผู้น้อย ที่ต้องปลอดภัย มั่นคง และมีอนาคต เพื่อทำให้กองทัพเป็นกองทัพของประชาชน ทำให้ทหารเป็นทหารของประชาชน

Related Posts

Send this to a friend