POLITICS

‘เศรษฐา’ มอบ ‘ปลอดประสพ’ ร่วม ‘ธรรมนัส’ ดูแลปัญหาประมง

‘เศรษฐา’ มอบ ‘ปลอดประสพ’ ร่วม ‘ธรรมนัส’ ดูแลปัญหาประมง พร้อมทำงานเป็นทีมพรรคร่วมรัฐบาล

วันนี้ (1 ก.ย. 66) ที่ ท่าเทียบเรือโรงน้ำแข็งศิริไพโรจน์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม พูดคุยเรื่องผลกระทบจากประกาศของ IUU และแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง โดยเรื่องของรูปแบบ One Stop Service สำหรับชาวประมง ว่า ต้องให้คณะทำงานไปดูก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เราเห็นปัญหาเลยว่าแรงงานที่จะใช้ต้องมีเอกสารหมดเลย ห้ามขาด และมีค่าปรับที่แพงมาก ซึ่งน่าเห็นใจมาก รวมถึงเอกสารยังเป็นกระดาษอยู่ อยากให้จัดทำในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด

ส่วนกรณีการให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการดูแลเรื่องประมงนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า การเป็นว่าที่รัฐมนตรี ก็จะให้ดูทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน เชื่อว่าร้อยเอกธรรมนัสพร้อมช่วยเหลือพื้นที่ ในนามรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งมี ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ดูแลเรื่องนี้ ที่มีประสบการณ์สูง พร้อมทั้งจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ แก้ไขปัญหาโดยเร็ว อะไรที่ทำได้ก็จะทำก่อน อาจจะยังแก้ไขไม่หมด เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่ขอเน้นย้ำว่าอะไรทำได้ทำก่อนต้องทำทันที ซึ่งมีหลาย ๆ เรื่องจะต้องพิจารณาก่อน เรื่องการค้าระหว่างประเทศอาจจะต้องใช้เวลา และเรื่องที่อยู่ในอำนาจของ ครม. เราก็ต้องเร่งแก้ไขให้ก่อน

ส่วนเรื่องกฎหมาย พ.ร.บ. แรงงานต่างด้าว นายเศรษฐา ระบุว่า จะต้องปรึกษาว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานด้วย ถือเป็นเรื่องใหญ่ต้องพูดคุยกันกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าจะเดินหน้าพูดคุยกับประเทศอินโดนีเซียเพื่อผลักดันเรื่องการค้าทันทีหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ต้องขอดูก่อนซึ่งอยู่ในอาเซียนเหมือนกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา เขามีทรัพยากร เรามีความรู้ ความสามารถ และเรือประมง หากมาร่วมกันได้ การแบ่งสรรผลประโยชน์น่าจะลงตัว จึงคาดว่าจะเดินไปข้างหน้าได้ง่าย

“เดินหน้าแก้ไขปัญหาดีกว่าอย่าไปมองปัญหาเก่า อย่าไปว่าใครกันเลยดีกว่า” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนเรื่องของการแก้ไขกฎหมายรัฐบาลชุดใหม่จะนำมาพิจารณาอีกครั้งหรือไม่น่า นายเศรษฐา ระบุว่า มั่นใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะนำมาพิจารณาอีกครั้งและขอฝาก ร้อยเอกธรรมนัสในการดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้

เมื่อถามถึงการขึ้นค่าแรง นายเศรษฐา ระบุว่าการขึ้นค่าแรงซึ่งเป็นนโยบายหลักของทุกพรรค แต่จะต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะการขึ้นค่าแรงส่งผลต่อการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของทุกภาคส่วน ที่สำคัญคือการเน้นเพิ่มรายได้หากสามารถเพิ่มรายได้ของ sme จะเพิ่มค่าแรงของพี่น้องประชาชนที่มารับช่างได้ คิดว่าต้องทำทันที แต่ขอพูดคุยกับพรรคร่วมก่อนเพราะเพราะต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย

นายเศรษฐา ระบุว่า การทำงานร่วมกันกับรัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดา อยากให้มองเป็นภาพรวม ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการรัฐบาลของประชาชน ที่ประกอบไปด้วยหลายพรรคการเมือง เชื่อว่าทุกคนมีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ และมีความปรารถนาดีกับประเทศ ขอโอกาสแก้ไขก่อน

Related Posts

Send this to a friend