ผศ.ดร.ปริญญา จับตาศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน 24 ส.ค. นี้หรือไม่

เคลียร์ปมวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี มองกระแสปรับ ครม. หลังญัตติซักฟอก ขึ้นอยู่กับแรงกระเพื่อมในพรรคร่วม และแผนปรับตัวสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 65 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์การเมืองกับ The Reporters ภายหลังสภาผู้แทนราษฎร มีมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 65 ตามที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
แม้ว่ารัฐมนตรีทั้ง 11 คนตามญัตติจะได้รับคะแนนไว้วางใจจากฝ่ายนิติบัญญัติ ตามกลไกมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญฯ แต่ ผศ.ดร.ปริญญา เห็นว่าปัจจัยที่ทำให้คะแนนไว้วางใจรัฐมนตรีแต่ละคนต่างกัน มี 3 ตัวแปรหลัก ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเศรษฐกิจไทย ส.ส. งูเห่า และ ส.ส. กลุ่ม 16 จากพรรคการเมืองขนาดเล็ก
- ส.ส. พรรคเศรษฐกิจไทย หรือกลุ่มของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย มีแนวทางการลงมติที่แตกต่างกันในรัฐมนตรีแต่ละคน ตัวอย่างเช่น ยืนยันลงมติไว้วางใจ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่ขณะเดียวกันกลับลงมติไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนทำให้คะแนนไว้วางใจของนายกรัฐมนตรี มีต่ำกว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลอยู่หลายคน
- ส.ส. แปรพักตร์หรือ “งูเห่า” จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งในพรรคเพื่อไทย 7 คน และพรรคก้าวไกล 5 คน รวมเป็น 12 คน ที่มีแนวโน้มสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ก็ร่วมลงมติไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จนได้รับคะแนนสูงเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับเช่นกัน
- ส.ส. กลุ่ม 16 ที่เคยประกาศในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จะลงมติไม่ไว้วางใจ 2 รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อประกาศออกมาจนเป็นกระแสข่าว นายกรัฐมนตรีก็เรียกกลุ่ม 16 เข้าเจรจาก่อนการลงมติจนได้
ทำให้ผลคะแนนไว้วางใจที่น้อยที่สุดจึงผิดคาด ตกอยู่กับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสียเอง นั่นคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
“การที่คะแนนไว้วางใจต่ำสุด เป็นเพราะการงดออกเสียงถึง 23 เสียง ที่สะท้อนว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแรงกระเพื่อมแน่นอน รวมถึงจากพรรคอื่นด้วย (ชาติไทยพัฒนา 3 เสียง และพรรคเล็ก 2 เสียง) แปลว่ามันมีปัญหาแล้วสำหรับประชาธิปัตย์ ต่อให้คุณชวนอุ้ม แต่การอยู่ร่วมกันกับพรรคอื่นคงมีปัญหาใจ อาการไม่ดีแล้ว” ผศ.ดร.ปริญญา วิเคราะห์ถึงผลการลงมติไว้วางใจหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรัฐมนตรี
ผศ.ดร.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตว่า หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะไม่ใช่ผลโดยตรงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป็นการปูทาง ปรับตัว และวางแผนของรัฐบาล ไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าเสียมากกว่า ซึ่งมองว่าเมื่อนายจุรินทร์ได้รับคะแนนไว้วางใจน้อยสุด ประกอบกับนายจุติและนายนิพนธ์มีเนื้อหาอภิปรายจากฝ่ายค้านในหลายประเด็น จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถือว่าสาหัสสุดสำหรับการถูกพิจารณาในมิติการปรับคณะรัฐมนตรี
ในทางกลับกัน รัฐมนตรีที่ได้รับคะแนนไว้วางใจสูงสุด อย่าง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ก็มีท่าทีที่น่าสนใจตั้งแต่การตอบชี้แจงว่าไม่เกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหาร ประกอบกับผลคะแนนที่ออกมาทำให้ ผศ.ดร.ปริญญา คาดการณ์ว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนนี้มีแนวโน้มจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเพิ่ม ถึงขั้นอาจเป็นเจ้ากระทรวงใหญ่ได้ มิหนำซ้ำยังประกอบกับกระแสเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่สั่นคลอนจาก ส.ส. จังหวัดสมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ จนอาจเกิดการปรับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกจากตำแหน่ง มท.1 ได้ หรืออาจไปดูกระทรวงอื่น
“แรงกระเพื่อมภายในพรรคจะเป็นตัวชี้วัดการปรับ ครม. ต่อไป และเป็นการปรับกระบวนท่าก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีการปรับ ครม. หรือไม่ แต่หนึ่งประเด็นที่ยังไม่ได้ถูกอภิปรายอย่างกว้างขวางในญัตติที่ผ่านมา คือ วาระการดำรงตำแหน่งของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 ประกอบมาตรา 158 วรรค 4 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งในระยะเวลารวมกันเกินกว่า 8 ปีไม่ได้ หรือคือวันที่ 24 ส.ค. 65 ที่จะถึงนี้ แต่พลเอก ประยุทธ์ ประกาศจะอยู่อีก 250 วันที่เหลือ หรือวันที่ 24 มี.ค. 66 แทน
ผศ.ดร.ปริญญา วิเคราะห์เจาะลึกถึงประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งว่า คาดว่าจะมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแน่นอน ก่อนจะครบ 8 ปีในวันที่ 24 ส.ค. 65 โดยที่ศาลอาจรับคำร้องและเห็นว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ตามคำร้องจึงสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 อย่างกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ และนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เพียงแต่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขณะที่จะเกิดประเด็นว่าหากไม่สั่งหยุดแล้วผลจากการบริหารราชการแผ่นดินของพลเอก ประยุทธ์ ในตำแหน่ง หลังวันที่ 24 ส.ค. 65 จะเกิดปัญหาหรือความเสียหายตามมาได้
“ผมเลยมองว่าโอกาสที่ศาลจะวินิจฉัยเรื่องนี้ก่อน 24 ส.ค. มีอยู่สูงมาก และจะเกิดขึ้นในเวลานี้ ศาลจึงต้องรีบจัดการก่อนครบ 8 ปี จึงจะไม่มีปัญหา ด่านใหญ่คือด่านนี้”
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องจับตาด้วยว่าฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะยื่นคำร้องหลังวันดังกล่าวเพื่ออาศัยจังหวะเวลาบีบแนวทางวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้สั่ง พลเอก ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และสร้างความปั่นป่วนใน 3 ป. หรือไม่ และหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พลเอก ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ผศ.ดร.ปริญญา ยืนยันว่าจะต้องมีรัฐบาลรักษาการ ที่ พลเอก ประวิตร อาจเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี
ผศ.ดร.ปริญญา ยังวิเคราะห์ต่อไปถึงแนวทางวินิจฉัยว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีความเป็นศาลการเมืองสูง ผลการตีความของศาลรัฐธรรมนูญขึ้นอยู่กับองค์คณะตุลาการ 5 ใน 9 เสียง ว่าจะนับวาระตั้งแต่ 24 ส.ค. 57 หรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 158 ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ อาจแถลงลาออกเองได้อย่างสง่างามตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซึ่งสามารถเทียบกับกรณีการลาออกของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี
ผศ.ดร.ปริญญา มองว่าเกมการเมืองที่รออยู่ด้านหน้าสำหรับทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายรัฐบาลจะต้องจัดการต่อเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ด้วยการหาร 500 แบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMP) และปรับคณะรัฐมนตรีหลังญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ทางด้านฝ่ายค้านเองก็เดินเรื่องต่อในการยื่นขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนความผิดของรัฐมนตรีตามหลักฐานจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตลอดจนการร้องขอวินิจฉัยเรื่องวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
ชมย้อนหลังได้ที่ : https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/3339220223064430/