POLITICS

‘บัวแก้ว’ ปรับนโยบายเน้นลงชายแดน ‘ปานปรีย์’ จ่อหารือพนมเปญ

ร่วมปราบสแกมเมอร์-พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ หลัง ทบ. เคลียร์ทุ่นระเบิดออกเกือบทั้งหมดแล้ว เชื่อหลังจากนี้ สัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จะดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

วันนี้ (25 ก.ย. 66) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสระแก้ว ณ สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยม-สตีงบก) ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

นายปานปรีย์ ชี้แจงสาเหตุที่มาเยือนชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นประเทศแรกในอาเซียนว่า เพราะกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านอยู่ติดชายแดน เราเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดี นอกจากนี้ เราก็พร้อมเดินทางไปเยือนประเทศลาว รวมถึงประเทศอื่นที่มีชายแดนติดกับเราด้วยอย่างมาเลเซีย

รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ มีนโยบายที่ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างเดียว แต่จะลงพื้นที่ชายแดนประเทศไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นประเด็นเศรษฐกิจชายแดน การลงพื้นที่ของคณะจึงมาเพื่อรับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะจากภาคราชการและภาคเอกชน โดยเฉพาะจากหอการค้าจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเมื่อเช้านี้ก็มีการประชุมกันเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่า จนได้รับข้อมูลหลายประเด็น เพื่อพิจารณากับประเทศกัมพูชา

หนึ่งในประเด็นที่มีการหารือในที่ประชุม คือ การส่งออกข้ามแดน ซึ่งนายปานปรีย์ มองว่า เป็นเรื่องระดับประเทศที่เราต้องพยายามลดขั้นตอนในการส่งออก เพราะแท้จริงแล้ว ในส่วนของชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านก็มีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษด้วย ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกับการส่งออกไปยังทวีปยุโรปและอเมริกาได้ จึงจะกลับไปพิจารณาหาแนวทางอำนวยความสะดวกเรื่องการส่งออกให้มากขึ้น และลดขั้นตอนทางศุลกากรให้น้อยลง

นายปานปรีย์ ยังยอมรับว่า ได้ยกปัญหากลุ่มมิจฉาชีพ (Scammer) ขึ้นมาหารือในที่ประชุมด้วย เนื่องจากเป็นปัญหาต่อประชาชนไทยมาก นอกจากสร้างความรำคาญแล้ว ก็ยังเกิดความเสียหาย ก็ได้รับรายงานว่าส่วนใหญ่มีผู้ประกอบการหรือผู้กระทำผิดกฎหมายอยู่ตามแนวชายแดนเยอะ จึงจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับกัมพูชาให้จัดการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่อไป

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเยือนประเทศกัมพูชา ในวันที่ 28 ก.ย. 66 ซึ่งนายปานปรีย์ คาดว่า จะได้เจรจาหลายเรื่อง ทั้งเส้นทางสินค้าส่งออก-นำเข้า และเรื่องความปลอดภัยกับประชาชน อย่างทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งวันนี้ก็ได้รับข่าวดีว่า กองทัพบกได้ดำเนินการจัดการจนเหลือเพียง 5.9 ตารางกิโลเมตร บริเวณป่าไร่ไหม จาก 100 กว่าตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าน้อยลงไปมาก ดังนั้น หากจัดการให้พื้นที่เหล่านี้มีความปลอดภัยได้ ไทยและกัมพูชาก็จะสามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจได้

“ในส่วนของประเทศไทยเองมีความพร้อม ก็จะสอบถามว่าทางกัมพูชามีความพร้อมขนาดไหน ไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

นายปานปรีย์ เน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาขณะนี้ดีอยู่แล้ว และเชื่อว่าจะดียิ่งขึ้นไป ส่วนตัวมีโอกาสได้เดินสวนกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ทักทายกันสั้น ๆ ว่าวันที่ 28 ก.ย. นี้จะได้พบกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นเกียรติมาก

Related Posts

Send this to a friend