POLITICS

มท.1 ลงพื้นที่เชียงใหม่ ยัน ไม่มีนัยทางการเมือง รับปากเพิ่มค่าตอบแทนให้ อบต.

มท.1 ลงพื้นที่เชียงใหม่ ยัน ไม่มีนัยทางการเมือง รับปากเพิ่มค่าตอบแทนให้ อบต. ลั่นเป็นตาแก่หมดไฟแล้ว ขอทำในสิ่งที่ทำได้

วันนี้ (24 พ.ย.65) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนา “การพัฒนาศักยภาพของท้องถิ่นสู่ความเป็นเมือง ตามหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นไทย” จัดโดยสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่

นายวิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย นำกล่าวคำปฏิญาณ โดยยกมือทาบที่อกข้างซ้าย พร้อมระบุว่า “ข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้าจะบริหารงานอย่างโปร่งใส ข้าพเจ้าจะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน” ก่อนร่วมกันขับร้องบทเพลงมาร์ชสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย

พร้อมยื่นข้อเสนอจากที่ประชุมให้กับพลเอกอนุพงษ์ เร่งรัดให้นำงบประมาณไปดำเนินการในพื้นที่ราชการอื่น เช่น พื้นที่ชลประทาน ป่าไม้ การกระจายอำนาจตัดสินใจ สรรหาบุคลากรสู่ระดับพื้นที่ เสนอให้กระทรวงมหาดไทย แก้ไขพระราชบัญญัติการกระจายอำนาจ กำหนดจัดสรรสัดส่วนภาษีภายในปี 2570 ให้ได้ร้อยละ 35 สร้างความเสมอภาคให้กับผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น ระดับ อบต. โดยนำงบประมาณส่วนที่ปรับลดจำนวนสมาชิก อบต.เหลือหมู่บ้านละ 1 คน และเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งบประมาณแผ่นดิน ให้กรมบัญชีกลางปรับวงเงินคัดเลือกผู้รับจ้างในวงเงิน 5 ล้านบาท ให้ภาครัฐใช้งบประมาณให้มีความรวดเร็วและต่อเนื่อง

พลเอกอนุพงษ์ กล่าวปาฐกถา “บทบาท อบต.กับการพัฒนาฐานรากประเทศไทย” ว่า การทำงานตลอด 8 ปีไม่มีนัยยะ นอกจากงานเป็นหลัก มีความปรารถนาให้งานส่วนนั้น ๆ เป็นไปตามบทบาทและภารกิจ จากข้อเสนอมี 2 ส่วนหลัก อยากได้โอกาสทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด มีงบประมาณไปทำงาน และต้องการให้ดูแลพี่น้องคนทำงานให้ดีกว่านี้

การบริหารราชการแผ่นดินในไทย มีส่วนกลาง มีการแบ่งอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีการกระจายอำนาจที่ค่อย ๆ คืบหน้า ภาพรวมยังยึดโยงกับการรวมอำนาจและแบ่งอำนาจ แต่ทั่วโลกเขากระจายอำนาจกันหมด อย่างไรก็ตามการบริหารราชการแผ่นดินต้องอาศัยองค์ประกอบทั้ง 3 เรื่อง ทั้งรวมอำนาจ แบ่งอำนาจ และกระจายอำนาจ ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละสังคม

สำหรับข้อเสนอของ สมาคม อบต. แห่งประเทศไทยที่ต้องการเพิ่มค่าตอบแทนของผู้บริหาร และสมาชิกสภา อบต. ขอใช้อัตราเทียบเคียงกับเทศบาล ขอรับปากไปทบทวน ปรับปรุงให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจของเรา ขอรับไปเร่งรัดในเรื่องนี้ เพื่อให้ทุกท่านทำงานได้เต็มศักยภาพ มีกำลังใจในการทำงาน และปลดเปลื้องภาระของพวกเรา

ประเด็นข้าราชการขาดแคลน เกี่ยวพันกับการจัดการงบประมาณ หากเราบรรจุข้าราชการเพิ่ม และใช้งบบุคลากรเกิน 40% จะนำไปสู่ข้อวิจารณ์จากประชาชน เห็นว่าการกระจายอำนาจ บางตำแหน่ง ท้องถิ่นก็ไม่ควรมี เช่น งานผังเมือง นอกจากนี้ข้อเสนอที่ยก อบต.ให้เป็นเทศบาล เห็นด้วย ขอฝากการบ้านให้ท้องถิ่นหารายได้ของตนเองให้ได้ ดูแลประชาชนได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้ศักยภาพของ อบต.แต่ละแห่งเข้ามาผนวกกัน ถ้ารวมตัวกันได้ ทำให้ดีขึ้นน่าจะรับไปพิจารณา

พลเอก อนุพงษ์ เน้นย้ำหลักความโปร่งใสและการทำงานหนัก อยากให้ประชาชนไว้วางใจต้องทำบทบาทและภารกิจของตนเองให้ดี ทำให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ดี กินดี มีความสุข พร้อมทั้งฝากให้ดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีกำลังในการรับใช้ประชาชน รับปากไว้ว่า จะทำในสิ่งที่ทำได้ เพื่อสนับสนุนทุกท่าน สิ่งที่เสนอมาไม่มีเก็บไว้เฉย ๆ จะไปต่อสู้ให้ หวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทุกท่านทำงานได้ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการกล่าวปาฐกถา พลเอกอนุพงษ์ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าที่ประชุม ครม.จะอนุมัติงบประมาณเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ครอบครัวละ 5,000, 7,000 และ 9,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ประสบภัย ย้ำว่าจะเพิ่มฐานค่าตอบแทนให้ รายได้ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องที่จะจัดหาได้ พร้อมระบุว่า ตนเองก็คนแก่คนหนึ่งที่อยากบอกว่า

“ผมก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่เชียร์นะ อีกไม่กี่เดือนผมก็คงจะอยู่เชียร์ท่าน วันหนึ่งผมก็จะไปเดินกินก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่ท่าน เป็นตาแก่คนหนึ่ง ดูแลด้วย โกรธอย่ามาเตะ อย่ามาต่อย เตะไปก็เปลืองแรง เดี๋ยวก็ตายแล้ว ไม่เป็นประโยชน์ ไฟผมหมดแล้ว ให้ท่านทำไป เป็นกำลังใจให้ ผมจะทำในสิ่งที่ทำได้”

Related Posts

Send this to a friend