POLITICS

‘เนติวิทย์’ ขอให้ศิษย์เก่ายอมรับการ เปลี่ยนแปลง

‘เนติวิทย์’ เผยมติกรรมการสโมสรนิสิต จุฬาฯ มาจากความเห็นของนิสิตปัจจุบัน ขอให้ศิษย์เก่า ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ระบุถ้าอยากให้การอัญเชิญพระเกี้ยวกลับมาใหม่ ให้เปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้งอบจ.ครั้งหน้า

นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ อบจ. เปิดเผยกับ The Reporters กรณี คณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมติให้ ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ 29 : 0 เสียง จากนายกสโมสรนิสิตทุกคณะ 

นายเนติวิทย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิต จุฬาฯ มีการพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุม 5 ครั้ง และมีมติอย่างที่ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายของพรรคที่สมัครรับเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิต เมื่อต้นปีด้วย ถือว่าเป็นฉันทามติจากนิสิต ที่จะต้องมาผลักดันเรื่องนี้เมื่อเข้ามาบริหาร และออกมาเป็นมติร่วมกันของสโมรสรนิสิต

“เหตุผลสำคัญที่นิสิตเห็นตรงกันคือ หมดยุคสมัยที่ให้คนหนึ่งนั่งอยู่เหนืออีกคน ที่คนยุคนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญว่า เราจะต้องมีความสำคัญเหนือคนอื่น ไม่มีความรู้สึกอยากแบกเสลี่ยงให้คนอื่นขนาดนั้น และไม่ส่งเสริมความเท่าเทียมกัน”

นายเนติวิทย์ เปิดถึงเหตุผลที่กรรมการบริหารสโมสรนิสิต เห็นด้วยให้ยกเลิกกิจกรรมนี้ โดยเห็นว่าที่ผ่านมา การคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวทำให้รู้สึกว่า คนที่ไปนั่งอยู่ข้างบนอาจต้องมีหน้าตาดี ถูกคัดเลือกแล้วคนอื่น ไม่เก่งเหรอ ไม่ดีเหรอ เขาก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน เพราะมีนิสิต จุฬาฯ ที่มีความสามารถแตกต่างกันไป ไม่เฉพาะบางคน คือหลักการที่ว่าไม่ยึดถือคุณค่าคนหนึ่งมากกว่าคนอื่น และในการคัดเลือกก็ไม่โปร่งใส เวลาคัดเลือก มีรุ่นพี่ คอยดูแล บางที คนนอกมองเข้าไปเห็นเหมือนแก๊งค์ บางทีคือคนไม่เห็นคุณค่าพวกนี้ มหาวิทยาลัยแทนที่จะยกเลิก อาจไปเกณฑ์เด็กหอใน ที่มีแต้มอยู่ บางทีมหาวิทยาลัยบอกว่า ถ้ามาแบกเสลี่ยงก็มีแต้มให้ เด็กก็ถูกบังคับโดยอ้อมให้ เขาก็ต้องมา ไปงานต้องแต่งชุดขาว มาแบกอะไรหนักๆ ต้องใช้คน 50 คน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ใครๆ จึงไม่เห็นด้วย 

ส่วนกรณีมีศิษย์เก่าที่ไม่เห็นด้วย นายเนติวิทย์ ขอทำความเข้าใจว่า “นี่เป็นกิจกรรมของนิสิตปัจจุบัน ไม่ใช่ของศิษย์เก่า จึงเกี่ยวข้องกับนิสิตปัจจุบันเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับในอดีต”

“ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง ยอมรับว่าหมดสมัย ถ้าคิดดีๆ เด็กที่มานั่งไม่ใช่เจ้า และหลายมหาวิทยาลัย ไม่มีอะไรแบบนี้ ไม่เห็นจะเดือดร้อน และประเพณีนี้เกิดมา 50 กว่าปี ไม่ได้มีมาตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีมาแต่ต้น ผมคิดว่ามาช่วยกันคิดกิจกรรมใหม่ดีกว่าไหม”

นายเนติวิทย์ กล่าวด้วยว่า ศิษย์เก่าต้องปล่อยวางอดีตบ้าง ถ้าอยากได้จริงๆ อยากให้กิจกรรมนี้กลับมา ก็มีวิธีหนึ่ง คือ ปีหน้าก็เอาชนะเลือกตั้งให้ได้ แล้วค่อยขายนโยบายนี้กับเด็ก 

“ผมว่าก็โอเค แฟร์ๆกันปีหน้าหาเด็กมาลง เอาลูกใครมาก็ได้ จะฟื้นฟูประเพณี ก็ให้เด็กจุฬาฯ เลือก มาเสนอผ่านการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตฯ และให้คณะกรรมการบริหารสโมสรนิสิตฯ มีมติเปลี่ยนแปลงกลับมาได้ ผ่านการเลือกตั้ง เพราะผลที่ออกมาผ่านการเลือกตั้งจากผู้แทนนิสิต”

นายเนติวิทย์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ทุกคณะยอมรับหมดเลย ถ้าเปลี่ยนต้องหาคนลงทุกคณะ เพื่อให้มติออกมา แบบนี้ 

“ผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ปล่อยวางดีกว่า เราจะสร้างกิจกรรมอะไรใหม่ๆ มาสนับสนุนว่า งานบอลครอบคลุม หลากลายมาก และในกิจกรรมฟุตบอลประเพณีก็มีหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยน เช่น การเอานักเตะระดับชาติมาเตะ เหมือนกลายเป็นแย่งชิงชัยชนะ งานบอลต้องให้นิสิตมาเล่นด้วยกัน ความหมายมันเป็น อวดศักดา ว่าใครยิ่งใหญ่กว่ากัน จริงๆ ควรเป็นงานที่มาเล่นเพื่อความสนุกกัน ศิษย์เก่า ควรมาใส่ใจตรงนี้ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าคิดยังไง”

ทั้งนี้หากมหาวิทยาลัยคัดค้านมตินี้ นายเนติวิทย์ เห็นว่า “ถ้ามหาวิทยาลัยต้องการ ก็ต้องหาคนมาแบกเสลี่ยงเอง ต้องหาคนมาอัญเชิญพระเกี้ยวเอง มหาวิทยาลัยต้องทำร้ายเด็กคนนั้นสุดๆ ถ้ามหาวิทยาลัย ไม่ยอมรับมติ อบจ.แสดงให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยอาจจะหน้าด้านไม่ฟังเสียงเด็ก เพราะถ้าจะจัดแล้วเป็นการเกณฑ์เด็กไปร่วมแบบบังคับ เชื่อว่า มหาวิทยาลัยก็มีปัญหาหนักขึ้น นายเนติวิทย์ จึงเห็นว่า มหาวิทยาลัยอาจมีปัญหาหนักขึ้น และผู้บริหารไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้”

Related Posts

Send this to a friend