‘ชนินทร์’ ยินดี ‘พริษฐ์’ เห็นด้วยจัดประชามติ 2 ครั้ง
‘ชนินทร์’ ยินดี ‘พริษฐ์’ เห็นด้วยจัดประชามติ 2 ครั้ง มอง ‘ก้าวไกล’ เสนอร่างประกบเป็นเรื่องดี ถกเถียงกันได้ ยืนยัน ‘เพื่อไทย’ เสนอเลือกตั้ง ส.ส.ร. 200 คน 100% ย้ำคำมั่นมี รธน.-พ.ร.ป. ใหม่ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า
วันนี้ (23 ม.ค. 67) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับ The Reporters ภายหลังนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นด้วยกรณี สส. พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 และมีการแถลงข่าวนำโดย รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ณ อาคารรัฐสภา เมื่อวานนี้ (22 ม.ค. 67)
นายชนินทร์ กล่าวว่า เราเคยเชิญตัวแทนฝั่งพรรคก้าวไกล เข้ามาพูดคุยตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ของรัฐบาลแล้ว เสียดายที่ขณะนั้น พรรคก้าวไกล ไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามาร่วม แต่ได้มีการพูดคุยและรับฟังกัน ท่าทีของพรรคเพื่อไทยทุกวันนี้อาจไม่ตรงกับท่าทีของฝั่งรัฐบาลเสียทีเดียว พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จำเป็นต้องมีการจัดทำประชามติแค่ 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกสามารถทำหลังพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ได้ จึงตัดครั้งแรกออกไป ทำเฉพาะครั้งที่ 2 – 3 จึงเหลือเพียง 2 ครั้ง
“ผมว่าจุดนี้น่าจะใกล้เคียงกันระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล เพราะในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่เราร่วมพิจารณาแก้ไขมาตรา 256 เราก็มีแนวทางขับเคลื่อนในลักษณะเดียวกัน นับว่าเป็นเรื่องดีที่ก้าวไกลเห็นชอบในวิธีการของเรา เชื่อว่าเราจะได้แรงสนับสนุนมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องรอการวินิจฉัยของสภาฯ และศาลรัฐธรรมนูญ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายชนินทร์ ตอบยินดีที่นายพริษฐ์ กล่าวให้ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จับมือกันให้แน่น โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย หรือรัฐบาล พยายามจับมือกันอยู่แล้ว โดยเชื้อเชิญเข้ามาพูดคุยและให้ร่วมอยู่ในคณะต่าง ๆ ตลอดเวลา จึงยินดีที่นายพริษฐ์ให้ความเห็นในลักษณะนั้น และคาดหวังว่าในอนาคต พรรคเพื่อไทย ในฐานะฝ่ายรัฐบาล และพรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายค้าน จะได้มีความร่วมมือกันมากขึ้น และเห็นพ้องในทางเดียวกันในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น
ส่วนกรณีโฆษกพรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า พรรคจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกฉบับหนึ่ง ประกบกับฉบับของพรรคเพื่อไทยด้วย แต่มีข้อแตกต่างในเรื่องที่มาและอำนาจของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 – 2 นั้น นายชนินทร์ มองว่า เป็นเรื่องดี ซึ่งไม่ต่างจากกฎหมายฉบับอื่นที่พิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เรามีความหลากหลายในการนำเสนออยู่แล้ว หากสามารถบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เข้าไปในสภาฯ ได้ เชื่อว่าจะไม่ได้มีแต่ร่างของพรรคเพื่อไทยเพียงฉบับเดียว แต่จะมีร่างของรัฐบาล อาจมีร่างของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค รวมถึงร่างของพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน และร่างของภาคประชาชนเข้ามาร่วมด้วย สิ่งเหล่านี้คือความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำนาจ ที่มา และรูปแบบของ ส.ส.ร. ล้วนเป็นเรื่องที่ถกเถียงได้ สุดท้ายจะจบในชั้นกรรมาธิการ แบะการโหวตในรัฐสภา จึงเป็นกลไกปกติที่จะหาข้อสรุปร่วมกัน จังหวะนั้นเชื่อว่าจะได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง และชี้แจงเหตุผลของตนเองในการนำเสนอร่างแต่ละฉบับ
สำหรับประเด็นการเลือกตั้ง ส.ส.ร. 100% นั้น นายชนินทร์ ชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทย ยืนยันตามร่างเดิม ที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วว่า ส.ส.ร. จะมีจำนวน 200 คน มาจากการเลือกตั้ง 100% โดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จุดยืนนี้ยังเป็นจุดยืนเดิมของพรรคเพื่อไทย แต่เรายังเปิดกว้างมี่จะรับฟัง หากมีร่างจากภาคประชาชน หรือจากรัฐบาล หรือจากกลุ่มอื่น ๆ ก็คงต้องอภิปรายในสภาฯ แล้วหาเหตุผลร่วมกันว่าแบบใดน่าจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งเป็นกลไกรัฐสภาปกติ
สุดท้าย นายชนินทร์ ย้ำคำมั่นของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่า เราจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นหนึ่งนโยบายที่เป็นวาระเร่งด่วน เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล เราตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ทันที นอกเหนือจากนั้น พรรคเพื่อไทยยังดำเนินการคู่ขนานไปด้วย เป้าหมายคือ คาดหวังจะสามารถร่นระยะเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ลงได้ ด้วยงบประมาณน้อยลง นี่คือเจตนารมณ์ที่ชัดเจนที่เห็นว่าเรามุ่งมั่นและพร้อมผลักดันเต็มที่ ให้ประเทศไทยมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
“ให้คำมั่นว่า มันควรจะต้องทำให้เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ รวมถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญภายหลังจากรัฐธรรมนูญตัวหลักเสร็จด้วย เพื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้าในอีก 3 ปีกว่าข้างหน้า เราจะได้ใช้กฎหมายฉบับใหม่ในการเลือกตั้งไปพร้อมกัน” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว