‘กรมราชทัณฑ์’ แยกขัง ‘ทักษิณ’ อยู่สถานพยาบาลแดน 7 เหตุเป็นกลุ่มเปราะบาง
‘กรมราชทัณฑ์’ แยกขัง ‘ทักษิณ’ อยู่สถานพยาบาลแดน 7 เหตุมีโรคประจำตัว-เป็นกลุ่มเปราะบาง มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดสถานที่ให้ครอบครัว-คนใกล้ชิดเข้าเยี่ยม คาดหากยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องใช้เวลา 1-2 เดือน
วันนี้ (22 ส.ค.66) นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุชีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และ นายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งโต๊ะแถลงหลังส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ดร.อายุตม์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย 3 ประการ ประการแรกดูเรื่องความปลอดภัยของนายทักษิณเป็นหลัก ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ อาหาร น้ำดื่ม และการเข้าเยี่ยม ประการที่ 2 เนื่องจากนายทักษิณมีครอบครัว เพื่อน รวมทั้งองค์กรต่าง ๆ ทางเรือนจำเป็นต้องจัดสถานที่ให้เพียงต่อการเยี่ยม คงต้องอะลุ่มอล่วย ประการที่ 3 นายทักษิณเป็นผู้สูงอายุ อายุ 74 ปี เรือนจำจึงต้องดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดความเจ็บป่วย โดยกรมราชทัณฑ์ได้รับตัวนายทักษิณ มีการทำประวัติ และตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แยกคุมขังไว้ที่แดน 7 ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของเรือนจำกรุงเทพมหานคร แยกขังเดี่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
นายสิทธิ กล่าวต่อว่า นายทักษิณเป็นกลุ่มเปราะบาง (กลุ่ม 608) อายุเกิน 60 ปี โดยผลการตรวจเบื้องต้นมีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวังและรักษาอย่างต่อเนื่องโดยแพทย์เฉพาะทาง สำหรับมาตรการเยี่ยม เบื้องต้นตามมาตรการกักตัวจะต้องกักตัว 10 วัน โดย 5 วันแรกจะอยู่ในห้อง มีแต่ทนายความตามกฎหมายเท่านั้นที่จะพบได้ ส่วน 5 วันหลังจะเป็นการผ่อนปรน อนุญาตให้ญาติเยี่ยมได้ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์
สำหรับการขอพระราชทานอภัยโทษ เบื้องต้นทางนายทักษิณและครอบครัว ยังไม่ได้ยื่นเอกสาร แต่สามารถยื่นได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำ ซึ่งเรือนจำพิจารณาส่งไปยังกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ส่งไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนาม ซึ่งกรณีนี้จะเป็นการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายบุคคล โดยทั่วไปจะใช้กระบวนการไม่เกิน 1-2 เดือน หลังจากเรื่องออกจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งความช้าจะอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมเอกสาร เยื่องจากมีเอกสารหลายอย่าง และต้องคัดคำพิพากษาของศาลมาประกอบด้วย
นายนัสที ในฐานะผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่านายทักษิณ จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับคนอื่น ทั้งอาหาร การทำกิจกรรมสิทธิในการพบทนาย ระเบียบการเยี่ยมญาติ ย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้อาหารมื้อแรกนายทักษิณดื่มเพียงน้ำเปล่าและเบเกอรี่ ส่วนมื้อเย็นจะรับประทานข้าวต้ม และผัก เช่นเดียวกับผู้ต้องขังรายอื่น
นายแพทย์วัฒน์ชัย ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระบุว่า นายทักษิณต้องเฝ้าระวังโรคหัวใจและภาวะหัวใจขาดเลือด ทั้งยังมีปัญหาทางปอดจากโรคโควิด-19 ความดันโลหิตสูง ภาวะเสื่อมตามอายุ เช่น กระดูกสันหลังเสื่อมในหลายระดับ มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้มีการปวดเรื้อรัง การเดิน ทรงตัวผิดปกติ นับเป็นกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด หากเจ็บป่วยสามารถเข้ารักษาได้ทันท่วงที
สำหรับการการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล จะมีระเบียบแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ 1.รีเฟอร์ อิน ต้องนำตัวผู้ต้องหาเข้าที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลเครือข่ายราชทัณฑ์ 2.รีเฟอร์ เอ้าท์ ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 3.รีเฟอร์ แอด จะส่งตัวผู้ต้องขังไปยังโรงพยาบาลในเครือกระทรวงสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลของรัฐ โดยกรณีของนายทักษิณอยู่ระหว่างการประเมินอาการป่วย เบื้องต้นสามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงยังไม่มีการส่งต่อ













