POLITICS

ครม.ไฟเขียวส่ง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมฉบับ ก.ยุติธรรม ให้กฤษฎีกาแก้ ก่อนชงเข้าสภาฯ

ครม.ไฟเขียวส่ง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมฉบับกระทรวงยุติธรรม ให้กฤษฎีกาแก้ ก่อนชงเข้าสภาฯ เชื่อไม่กระทบชาวมุสลิม เหตุมีกฎหมายชารีอะฮ์อยู่แล้ว

วันนี้ (21 พ.ย. 66) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. (สมรสเท่าเทียม) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญแก้ไขเพื่อให้บุคคล 2 คน ไม่ว่าเพศใดสามารถทำการหมั้น และสมรสกันได้ รวมทั้งแก้ไขบทบัญญัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสชายหญิง ซึ่งเปลี่ยนจากชาย-หญิง เป็น ‘บุคคล-บุคคล’ และผู้หมั้น-ผู้รับหมั้น

ทั้งยังเพิ่มเหตุเรียกค่าทดแทน และเหตุฟ้องหย่าให้ครอบคลุมกรณีที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม และเพิ่มเหตุฟ้องหย่าให้สอดคล้องกับลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส โดยร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหลักการสำคัญ เช่น บุคคลทั้งสองฝ่ายสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ การจัดการทรัพย์สินในบางกรณีต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่าย ซึ่งเป็นไปตามหลักการของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวมถึงการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อตามเพศวิถีของบุคคลนั้น ๆ

สำหรับการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่น เช่น การจ่ายเงินบำเหน็จตกทอดตามกฎหมายว่าด้วย บำเหน็จบำนาญข้าราชการ กำหนดให้จ่ายเงินแก่สามีหรือ ภริยา แต่เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ร่างดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพื่อให้มีความหมายครอบคลุม โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือที่ปรึกษารัฐบาลไปแก้กฎหมายให้สอดคล้องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หลังผ่านสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว จะเสนอเข้าที่ประชุมสภาต่อไป

แหล่งข่าวภายในที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงความกังวลถึงผู้ที่นับถืออิสลามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ (จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี) โดยนายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้เสนอร่างได้ชี้แจงว่า 3 จังหวัด มีการใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ หรือกฎหมายอิสลาม (Personal Law) ที่ว่าด้วยครอบครัวและมรดกเป็นเฉพาะอยู่แล้ว ยืนยันว่าร่างกฎหมายนี้จะไม่กระทบกับชาวมุสลิม

โดยพื้นที่ชายแดนใต้ในกรณีที่โจทก์ และจำเลยที่เป็นมุสลิม ต้องใช้กฎหมายอิสลาม ไม่สามารถใช้กฎหมายแพ่งได้ แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เป็นชาวมุสลิมก็ต้องใช้กฎหมายของแผ่นดิน ซึ่งกฎหมายอิสลามจะใช้ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ แตกต่างจาก พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมของพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีรายละเอียดกว้างขึ้น ส่วนร่างจะมีรายละเอียดอย่างไร ต้องรอที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา มั่นใจว่าจะผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาแน่นอน เพราะในหลักการผ่านหมดแล้ว โดยก่อนหน้ามีการรับฟังความคิดเห็นรูปแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ law.go.th. และระบบ Google Form บนเว็บไซต์ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม-14 พฤศจิกายนปี 2566 เป็นระยะเวลา 15 วัน ซึ่งประชาชนเห็นด้วยกว่า 96%

Related Posts

Send this to a friend