POLITICS

สมาคมทนายความฯ แนะ สมาชิกรัฐสภาที่โหวตให้เสนอ ชื่อ ‘พิธา’ ซ้ำได้ มีสิทธิยื่นร้องต่อศาล รธน.ได้

สมาคมทนายความฯ ชี้ มติรัฐสภาให้การเสนอชื่อ ‘พิธา’ เป็นญัตติซ้ำ ‘ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แจงไม่ใช่ญัตติทั่วเป็นแต่เป็นเรื่องเฉพาะ เสนอซ้ำได้ตามรัฐธรรมนูญ แนะสมาชิกรัฐสภาที่โหวต ‘พิธา’ เป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิ มีสิทธิยื่นร้องต่อศาล รธน.ได้

วันนี้ (20 ก.ค. 66) สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย โดย นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมฯ ออกแถลงการณ์ยืนยันมติที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 ที่เห็นว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเสนอญัตติซ้ำตามข้อบังคับฯ ข้อที่ 41 นั้น ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ขอให้สมาชิกที่เสนอชื่อนายพิธา และโหวตให้มีการเสนอชื่อซ้ำได้ เป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาดังนี้

“แถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย

ตามที่ ที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 มีมติว่า ญัตติการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเสนอญัตติซ้ำต้องห้ามตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 นั้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่ามติดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนี้

1.ตามพจนานุกรมและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 44 ญัตติหมายถึงข้อเสนอใดๆ ที่มีความมุ่งหมายให้สภาลงมติหรือชี้ขาดว่า จะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป การเสนอญัตติอาจเสนอด้วยปากเปล่า หรือทำเป็นหนังสือก็ได้ ดังนั้น
การเสนอชื่อนายพิธาเพื่อให้รัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงถือเป็นการเสนอญัตติตามรัฐธรรมนูญ

2.อย่างไรก็ตาม ญัตติที่เสนอต่อสภา มี 2 ประเภท คือ
ญัตติทั่วไป เช่น ญัตติขอให้สภาแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาหรือศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และญัตติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้โดยเฉพาะ เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 และ 152 เป็นต้น

3.สำหรับการเสนอญัตติทั่วไปของรัฐสภาจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับข้อ 41 กล่าวคือ ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในที่ประชุมเดียวกันหรือที่เรียกว่าเป็นญัตติซ้ำ

ส่วนการเสนอญัตติที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้โดยเฉพาะ รัฐธรรมนูญจะบัญญัติถึงวิธีการยื่นและข้อจำกัดในการยื่นไว้ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เช่น

(1) ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 151 และ 152 รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ต้องมี ส.ส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายและจะยื่นได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154

(2) ญัตติการเสนอชื่อนายพิธาอันเป็นญัตติเฉพาะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ประกอบมาตรา 159 นั้น รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อตามมาตรา 88 ของพรรคการเมืองที่มี ส.ส. ไม่น้อยกว่า 25 คน และการเสนอชื่อต้องมี ส.ส. รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 50 คน ซึ่งญัตติดังกล่าวนี้ รัฐธรรมนูญมิได้มีข้อจำกัดจำนวนครั้งในการยื่นเหมือนกับกรณีญัตติตามมาตรา 151 และ 152 ดังนั้น ญัตติการเสนอชื่อนายพิธาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงเสนอได้โดยไม่มีข้อจำกัดเพราะรัฐธรรมนูญมิได้จำกัดไว้ และไม่อาจใช้ข้อบังคับข้อ 41 ซึ่งใช้กับการยื่นญัตติทั่วไปมาใช้บังคับได้

ดังนั้น สมาชิกรัฐสภาที่เสนอชื่อนายพิธา รวมทั้งสมาชิกที่รับรองการเสนอชื่อจึงเป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ สมาชิกดังกล่าวจึงมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำวินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและการลงมติของสมาชิกรัฐสภาจำนวน 394 คน ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 หรือไม่

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์
นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย
20 กรกฎาคม 2566”

Related Posts

Send this to a friend