POLITICS

‘อนุทิน’ ยัน ไม่โหวตคว่ำงบฯ 69 มองอนาคตชัด เชื่อรัฐบาลอยู่ครบเทอม

บอก ‘กล้าธรรม’ เติบโต ไม่คานอำนาจภูมิใจไทย ยันคุย ธรรมนัส ตลอด ปัดแพ็ค ‘พีระพันธุ์’ ต่อรอง

วันนี้ (19 พ.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีการโหวตคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้ร่วมกันจัดทำและผ่านความเห็นชอบแล้ว อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนที่ตนเองกำกับดูแล ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงแรงงาน รวมกันเกือบหนึ่งล้านล้านบาท จึงเป็นเรื่องของรัฐบาลและประชาชนที่ต้องให้การสนับสนุน

รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวด้วยว่า หลังเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา ทำให้วิสัยทัศน์ชัดเจนขึ้น มองเห็นอนาคตรัฐบาลชัดเจนและเชื่อว่าจะอยู่ครบเทอม พร้อมกันนี้ ได้ปฏิเสธกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 11 โดยย้ำว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็งด้วยเสียงสนับสนุนกว่า 320 เสียง และการที่พรรคกล้าธรรมมีสมาชิกเพิ่มขึ้นก็ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้รัฐบาล

ส่วนการเติบโตของพรรคกล้าธรรมนั้น นายอนุทินเห็นว่าไม่ใช่การคานอำนาจพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาล แต่เป็นธรรมชาติของทุกพรรคการเมืองที่ต้องการเติบโต และพรรคใดที่สามารถรับใช้ประชาชนจนได้รับความไว้วางใจก็จะเติบโตได้เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ทั้งยังเปิดเผยว่ามีการพูดคุยและทำงานร่วมกับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สสพะเยา และที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมอยู่ตลอดเวลา สำหรับกรณีที่มีการมองว่าพรรคภูมิใจไทยจับมือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองนั้น นายอนุทินชี้แจงว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง แม้กระทั่งฝ่ายค้าน หากเป็นการดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ในประเด็นเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม นายอนุทินกล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนคดีที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 13 มิถุนายน ว่า ไม่เกี่ยวข้องและไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายตุลาการ ซึ่งแยกจากฝ่ายบริหารตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณกับนายกรัฐมนตรีนั้น แม้จะมีความผูกพันส่วนตัว แต่เชื่อมั่นว่าผู้บริหารประเทศสามารถแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องของประเทศชาติและประชาชนได้ และยังไม่เห็นบุคคลใดในรัฐบาลนำเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับการทำงาน

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. นายอนุทินระบุว่าไม่ทราบรายละเอียด เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และตนเองยึดหลักการทำงานที่ชัดเจน แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว แม้พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง จะเป็นเพื่อนก็ตาม นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ยังกล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการหารือถึงการแต่งตั้งผู้ที่จะมากำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ตนเองกำกับดูแลในกระทรวงมหาดไทย

Related Posts

Send this to a friend