POLITICS

นายกฯ เผย ‘ฮุน มาเนต‘ เยือนไทย ก.พ.67 ประชุมย่อย ครม.เศรษฐกิจ

นายกฯ เผย ‘ฮุน มาเนต‘ เตรียมเดินทางเยือนไทย ก.พ.67 ประชุมย่อย ครม.เศรษฐกิจร่วมกัน ถกการค้าชายแดน เชื่อหากกัมพูชามีแผนสร้างนิคมอุตสาหกรรมส่งผลดีภูมิภาค -ไทย เหตุมี ท่าเรือน้ำลึก – สนามบิน พร้อม ชี้ คุย ‘พานาโซนิค’ เล็งใช้พื้นที่ไทย 600 ไร่สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่

เมื่อเวลา 14.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) วันที่ 18 ธันวาคม 2566 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้พบกับ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยได้มีการพูดคุยถึงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดหลักที่เพิ่งไปลงพื้นที่มา ซึ่งเห็นว่านิคมอุตสาหกรรมและการค้าชายแดนยังสามารถยกระดับได้อีก โดยในเดือน กุมภาพันธ์ 2567 สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะมาเยือนประเทศไทย จากนั้นจะมีการประชุมย่อยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจร่วมกันเกี่ยวกับการค้าชายแดน เพราะเรามีความพร้อมเรื่องการจัดส่งสินค้า หากกัมพูชามีแผนสร้างนิคมอุตสาหกรรมแล้วติดต่อการค้า เขามาก็จะดีกับทั้งภูมิภาค เพราะประเทศไทยมีท่าเรือน้ำลึกและสนามบินที่พร้อม มีพลังงานสะอาดที่พร้อม น่าจะทำอะไรร่วมกันได้ เพื่อเสริมสร้างซึ่งกันและกัน และอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเป็นเบอร์ 3 ของโลก การที่เรารวมตัวกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจะเอื้อต่อธุรกิจได้อีกเยอะมาก และยิ่งตนเองกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษจะพูดอะไรก็ง่าย

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการพูดคุยกับบริษัทพานาโซนิค ซึ่งเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่และทำเรื่องของแบตเตอรี่ ให้กับบริษัทเทสล่าด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังดูสถานที่ที่จะทำโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในพื้นที่ 600 ไร่ ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน เป้าหมายซึ่งเขายังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะต้องดูแผนระยะยาวแต่ เขาลงทุนที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 1961 ก่อนที่ตนจะเกิดอีก จึงถือว่ามีความผูกพันกับประเทศไทย ซึ่งผู้บริหารเบอร์สองของเขาก็อยู่ในเมืองไทยมาตลอด ยิ่งตอกย้ำว่าผู้บริหารบริษัทระดับสูงของญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคยผ่านงานที่ประเทศไทยมาก่อน

ทั้งนี้ เรื่องใจถึงใจเรื่องที่เขาอาจจะลำเอียง อยากมาลงทุนตนเชื่อว่าเป็นธรรมดาของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครดิตของคนไทยที่ต้อนรับอาคันตุกะทุกอาชีพด้วยใจจริง และงานที่เราทำมาทั้งหมดในการเดินทางมาครั้งนี้ไม่ใช่ผลงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่บีโอไอญี่ปุ่นมีส่วนสำคัญมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองมาต่อเครื่องที่ประเทศญี่ปุ่นบีโอไอที่ญี่ปุ่นเป็นคนจุดประกาย ว่าญี่ปุ่นมีความเป็นห่วงเรื่องอะไร ตนเองรับโจทย์ไปและจัดการในทุกเรื่อง ซึ่งเรามาถึงที่นี่ก็ง่ายเพียงแค่ยิ้มแย้มแจ่มใสและพยักหน้า ถือว่าครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก

Related Posts

Send this to a friend