POLITICS

สุพัฒนพงษ์ แจงยิบ ปม พ.ร.ก. เงินกู้ อุ้มกองทุนน้ำมัน

บอกวันนี้ ยังทำงานทุกด้าน ฉวยวิกฤต สร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้าประเทศ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ที่ประชุมครม.วันที่ 16 ส.ค.65 พิจารณาวาระลับ เรื่องร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. …. และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งมีวงเงินกู้ยืมของกองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท ว่า เป็นเรื่องการดูแลเสถียรภาพบทบาทหน้าที่ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากที่ผ่านมามีความผันผวนจากปัจจัยวิกฤตต่างๆที่เกิด รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนลง จึงทำให้มีภาระ

ในอดีตที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพลังงาน ดังนั้นในอดีตกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยมีเงินทุนติดลบอยู่หลายหมื่นล้านบาท สามารถออกเงินกู้ ตราสารหนี้ ได้เพราะเป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงพลังงาน และเป็นไปโดยอัตโนมัติที่กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกันอยู่แล้ว เมื่อมีพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นมาแต่สิทธิเดิมเหล่านี้ไม่ได้ติดมาด้วยจึงต้องพยายาม ดูว่าจะใช้วิธีการเดิมโดยการกู้หรือจะทำอย่างไรแต่สิทธิเดิมเหล่านั้นไม่ตามมา

ดังนั้นจึงเป็นอุปสรรค ทำให้กระทรวงพลังงานต้องหารือกับกระทรวงการคลังมาเป็นเวลานานโดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการ การเงินโดยมีกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อพยายามหาทางเลือกและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งการประชุมครม.เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงได้นำเสนอเพื่อพิจารณาแนวทางต่างๆ ส่วนที่เหลือทางคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ต้องไปดำเนินการต่อ และเมื่อเป็นพ.ร.ก. ก็จะมีผลทันทีโดยเดินไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในสมัยประชุมสภาจึงต้องนำเสนอรัฐสภา

อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ อีกทั้งในต่างประเทศกำลังจะเข้าฤดูหนาวจึงยังไม่ทราบว่าสถานการณ์ในต่างประเทศนั้นอาจจะมีผลต่อราคาพลังงาน ขึ้นมาอีก ดังนั้นเพื่อให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการไปตามบทบาทหน้าที่ของตัวเองที่จะสามารถช่วยประชาชนได้ต่อไป จึงจะต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วเพราะล่าช้ามาพอสมควรแล้ว ได้หาทุกวิถีทางที่จะสร้างสภาพคล่อง สร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

ผู้สื่อข่าวถามว่า 1.5 แสนล้านนี้ เราจะกู้ให้เต็มเพดานเลยหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นรายละเอียดอีกครั้งวาระการประชุม ครม. ยังเป็นวาระลับอยู่ ยังตอบอะไรไม่ได้มาก แต่ไม่ใช่เป็นการกู้แบบคราวเดียวเพราะต้องทยอยตามความจำเป็น อย่างไรก็ตามอันนี้เป็นของเก่าที่กู้ในขณะเดียวกันของใหม่ก็เตรียมเผื่อไว้บ้าง ก็จะพยายามทำให้ดีแต่ต้องดูวินัยการเงินกลางคลังด้วยเพื่อไม่ให้เกินกรอบ อย่างไรก็ตามตัวเลข 1.5 แสนล้านบาทนั้น มาจากการคำนวณของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นตัวเลขที่เหมาะสมและยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำให้หนี้เพิ่มขึ้นอีกกี่% รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่น่าจะมาก แต่ตนเองไม่มั่นใจ เพราะกระทรวงการคลังเป็นผู้คำนวณ ค่อนข้างจะรอบคอบอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถเริ่มกู้ได้เลยหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกฤษฎีกาที่จะนำข้อเสนอแนะต่างๆ พิจารณาทางเลือกต่างๆ ถึงความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)เคาะขึ้นค่าเอฟที แล้ว รัฐบาลต้องรับมืออย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูแลกลุ่มคนเปราะบาง ตอนนี้ให้ กกพ. ไปคิดต่อว่าเมื่อขึ้นไปอย่างนี้ กลุ่มคนเปราะบาง คนที่เคยดูแลอยู่ ที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย ถ้าจะต้องดูแลต่อจะต้องใช้เงินอย่างไร มากกว่า 300-500 หน่วย จะดูแลอย่างไร ซึ่งอีกไม่นานคงทราบ เราจะรีบดำเนินการ เพราะราคาเอฟทีใหม่จะมีผลในเดือนกันยายน ซึ่งของต้องใช้งบฯกลางในการดูแลกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนให้น้อยที่สุด

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ที่ยากแต่ขอให้ความมั่นใจว่า เรื่องเสถียรภาพวินัยการเงินการคลัง นายกรัฐมนตรีกำชับและให้ความสำคัญเป็นพิเศษทำอะไรให้อยู่ในกรอบ บางครั้งอาจทำให้พวกเราได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพยายามเต็มที่ และรัฐบาลก็รับไปดูแลส่วนหนึ่งแล้ว เช่น ค่าเอฟที กฟผ. ก็ได้ดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนที่เพิ่มเติมมาจากค่าก๊าซที่สูงขึ้น ไม่ได้ผลักเป็นภาระในค่าเอฟที

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เราต้องทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ทั้งหน้างานและอนาคตด้วยไม่ได้หยุดนิ่งซึ่งก็เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่กำชับและเร่งรัดทุกฝ่าย อีกทั้งในช่วงการประชุมเอเปกก็จะมีนักธุรกิจเข้ามามาก เราก็จะต้องทำความรู้ความเข้าใจให้กับบุคคลเหล่านี้ให้เห็นถึงโอกาสและความน่าสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยเรามีดีที่จะดึงดูดทุกคนเข้ามา เป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ศาลตัดสินว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถไปต่อได้ในกรณีครบ 8 ปี จะกระทบต่อแผนงานและนโยบายหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องกฎหมาย ไม่มีความรู้ เพียงแค่ทำงานตามที่ได้กล่าวมาก็หมดเวลาไปทั้งวันแล้ว ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เพราะคิดว่าทุกอย่างเดินไปได้ตามปกติ เพราะงานทุกอย่างขับเคลื่อนโดยข้าราชการประจำและทีมงานที่มีอยู่จึงไม่น่าจะมีประเด็นอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ต้องว่าไปตามกฏหมาย

Related Posts

Send this to a friend