‘แอมมี่’ ขึ้นศาลคดีสาดสี ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน ทำให้เสียทรัพย์และอื่นๆ
วันนี้ (17 มิ.ย. 64) นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ พร้อมทนายความเดินทางมาขึ้นศาลแขวงดุสิต ตามข้อหา “ทําร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391, “ทำให้เสียทรัพย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 และ “ทำให้ปรากฏซึ่งรูปรอยใดๆ บนถนนหรือที่สาธารณะ” ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 12 ในคดีสาดสี จากเหตุการณ์หน้า สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563
นายไชยอมร กล่าวว่า เนื่องจากแต่เดิมตนถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามพรบ.ความสะอาด และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่เกินกว่าเหตุไปมาก ตนมองว่าการแจกจ่ายคดีเป็นจำนวนมากให้แก่แกนนำในการชุมนุมต่างๆ ถือเป็นยุทธศาสตร์ของรัฐไทยที่จะใช้ก่อกวน แล้วก็สร้างความลำบากให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
นายไชยอมร ระบุว่า วันนี้โดยหลักจะเป็นการไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีที่ถูกทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งตนเองมองว่าการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการสาดสีใส่เครื่องแบบตำรวจที่ได้ทำไป เป็นงานศิลปะที่มีคุณค่า อยากจะขอนำมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีความกังวลอะไร ขอเพียงให้ออกมาในรูปแบบที่สามารถพูดคุยกันได้ เพราะไม่เคยมองเจ้าหน้าที่รัฐเป็นศัตรู คิดว่าการให้เกียรติกันคือทางออกที่ดีทั้งสำหรับคดีนี้ และสำหรับประเทศด้วย หากใครได้เห็นหลักฐานคลิปภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ก็จะรับรู้ว่าเป็นการโดนตัว ฉุดยื้อกันตามปกติ อาจเป็นมวลชนดันเข้ามา ดังนั้นการสัมผัสตัวในลักษณะนี้จึงไม่ควรถูกนำมาใช้ในการกล่าวหาว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย คดีของตนเองเป็นเครื่องสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของการบังคับบัญชาแบบบนสู่ล่าง ที่ส่งผลให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องเกิดความลำบากใจในการปฏิบัติหน้าที่
สำหรับเหตุการณ์ในวันดังกล่าว นายไชยอมร ได้ทำการสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งยืนอยู่หลังแผงเหล็กหน้า สน.สำราญราษฎร์ ในขณะที่กลุ่มนักศึกษา นักกิจกรรม และศิลปินแร็ป ถูกออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ซึ่งนายไชยอมร กล่าวถึงเหตุผลเบื้องหลังการกระทำดังกล่าวว่า “สิ่งที่เราทำคือการสร้างสัญลักษณ์ในการทวงความยุติธรรม ทวงถามความชอบธรรม และต้องการสื่อสารให้พวกเขาหยุดคุกคามประชาชน เพราะต่อไปนี้ไม่ใช่คุณแล้วที่จะคุกคามเราอย่างเดียว ถ้าคุณทำพี่น้องเรา เราก็มีสิทธิที่จะทำคุณเหมือนกันด้วยชั้นเชิงทางศิลปะ”