POLITICS

‘มงคลกิตติ์’ ขู่ดำเนินคดี ครม. หากต่อสัญญาเอกชนร่วมทุนประปาปทุมฯ-รังสิต

‘มงคลกิตติ์’ เผยฤกษ์ดีลาออกพรุ่งนี้ 9:09 น. ไม่รู้จะได้กลับสภาไหม มีแต่เอฟซี ไม่มีหัวคะแนน ขู่ดำเนินคดี ครม. หากต่อสัญญาเอกชนร่วมทุนประปาปทุมฯ-รังสิต

วันนี้ (16 ก.พ. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงข่าวประเด็นน้ำประปาในโครงการเอกชนร่วมทุนปทุมธานี-รังสิต และตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีการลาออกจากการเป็น ส.ส. ในวันพรุ่งนี้ และการกลับเข้าสภาในสมัยหน้า

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ดูแลการประปาส่วนภูมิภาค เคยชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะไม่มีการแก้ไขสัญญาให้สิทธิ์การดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคไปอีก 20 ปี ตามโครงการเอกชนร่วมทุนปทุมธานี-รังสิต ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ได้ขอให้ทบทวนการต่อสัญญากับบริษัทเอกชน รวมถึง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ท้วงติงตามเอกสารของสำนักงาน ป.ป.ช. ไปยังกระทรวงมหาดไทย

นายมงคลกิตติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากปล่อยให้เกิดโครงการเอกชนร่วมทุนปทุมธานี-รังสิต รัฐบาลจะเสียรายได้มหาศาล หากต่อสัญญาไปอีก 20 ปีค่าน้ำประปาเฉลี่ยจะตกอยู่ที่ประมาณ 14 บาทต่อลูกบาศก์เมตร แต่หากทางการประปาดำเนินการผลิตเอง ค่าน้ำประปาจะมีราคาเพียงลูกบาตรเมตรละ 6 บาท ต่างกันถึง 8 บาท เพราะฉะนั้น รัฐจะต้องสูญเสียเงินส่วนต่างประมาณ 1500 ล้านบาท ต่อปี หากคิดในระยะเวลา 20 ปี ก็คิดเป็น 30,000 ล้านบาท

นายมงคลกิตติ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงประเด็นนี้ว่า ทำไมต้องให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ ส่งผลให้ราคาน้ำประปาแพงขึ้น รัฐก็สูญเสียผลประโยชน์ จะแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อันดับแรกคือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และหากนำเข้าการประชุม ครม. ก็จะดำเนินคดีกับ ครม. รวมถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ ตามความผิด พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุการลาออกในเวลา 9:09 น. ของวันพรุ่งนี้ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เวลาดังกล่าวเป็นฤกษ์ที่ดี และอยากไปพบปะพี่น้องประชาชนในสถานะประชาชนเหมือนกัน หากไปหาเสียงเลือกตั้งด้วยสถานะรัฐมนตรี ข้าราชการจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งตำรวจ ทหาร นายก อบต. ก็จะเกรงใจ จึงมองว่าไม่ยุติธรรมกับผู้อื่น และต้องการทำเป็นตัวอย่างให้เห็น ว่าจะไม่เอาเปรียบคนอื่น ไม่ใช้สวัสดิการที่เป็นของรัฐ ซึ่งตนเองสะดวกใจแบบนี้มากกว่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะกลับเข้าสภาในสมัยหน้าหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเราไม่มีเงินไปซื้อเสียง อีกทั้งยังไม่มีหัวคะแนน ไม่เคยจ่ายเงินใคร มีแต่แฟนคลับ จึงตอบไม่ได้ว่าจะได้กี่คะแนนเสียง แต่จากนโยบายและผลงานในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง

“ตอนนี้พรรคไทยศรีวิไลย์มีสิ่งหนึ่งที่เหนือกว่าพรรคอื่น คือ มีขาที่แข็งแรง มีหัวใจที่เข้มแข็ง มีกำลังขาที่เดินไปได้ทั่วประเทศ มีมือที่อุ่นและเข้มแข็ง ที่จะจับมือกับประชาชนได้ทั่วประเทศ รวมถึงมีสมองในการคิดนโยบายหาเงินเข้าประเทศ หาเงินมาใช้หนี้แทนลุงตู่ได้ เราคิดอย่างเดียวคือฝากผลงานไว้กับแผ่นดิน แล้วทำให้พรรคการเมืองอื่นสู้เราไม่ได้” นายมงคลกิตติ์กล่าว

Related Posts

Send this to a friend