POLITICS

‘รังสิมันต์’ จ่อร้อง ป.ป.ช.-อสส. ปมรัฐบาลกับจีนเทา

‘รังสิมันต์’ ลั่น นี่แค่เริ่มต้น จะไม่หยุดแค่นี้ จ่อร้อง ป.ป.ช.-อสส. ปมรัฐบาลกับจีนเทา ผิดหวังนายกฯ แจงแต่ไม่แจง ปลุก ผบ.ตร. ไม่ทำอะไร เอาแต่ไหว้พระ ควรเริ่มเรียกสอบเป็นอย่างน้อย

วันนี้ (16 ก.พ. 66) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงการอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 28 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.)

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ได้รับเสียงตอบรับจากหลายฝ่ายว่าเป็นการอภิปรายที่เดือดมาก ทำให้ประชาชนหลายคน และพรรคการเมืองต่างๆ ได้เห็นความจริงมากขึ้น และเข้ามาชื่นชมในเรื่องของการอภิปราย รวมถึง นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ชื่นชมในเฟซบุ๊กด้วย

นายรังสิมันต์ มองว่าประเด็นที่อภิปรายไป ทุกคนเห็นและช่วยกันยืนยันว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ‘ไทยเทา’ กำลังเป็นปัญหาของประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มเมียนมาและทุนจีนสีเทา ซึ่งพยายามเข้ามาในประเทศ และยังมีกลุ่มทุนจีนบางกลุ่มมาในรัฐสภาเพื่อเยี่ยมกรรมาธิการคาสิโน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะเถื่อน

“ในบันทึกชวเลขที่ได้มาจากสภาฯ มีความพยายามเซ็นเซอร์ชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม แต่พรรคก้าวไกลมี ส.ส.ในกรรมาธิการชุดนี้ จึงได้ข้อมูล ทุนสีเทาที่นำโดยไทยเทา พาเข้ามาเกี่ยวกับรัฐสภา เกี่ยวกับอำนาจที่ประชาชนเลือกเข้ามา ความเกี่ยวพันชัดเจนว่าเราไม่สามารถกำจัดได้ เพราะมีผู้มีอำนาจ แม้ตำรวจนครบาลทำหน้าที่ได้ดี แต่สุดท้ายก็ถูกย้าย”

นายรังสิมันต์ ยังระบุว่า ขอสดุดีพลเมืองดีอย่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่พยายามปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน หากเราไม่มีนายชูวิทย์ หรือตำรวจน้ำดี ที่พยายามนำข้อมูลต่างๆ มาให้ เราคงไม่สามารถอภิปรายได้ และการเปิดโปงครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น และส่วนตัวจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่จะนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด

เมื่อถามว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงแล้วนั้นเพียงพอหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า นายกฯ ชี้แจงก็เหมือนไม่ชี้แจง ไม่ละเอียด และไม่ตรงประเด็น อย่างเรื่องของ นายตู้ห่าว ที่มีการพาดพิงนักการเมืองบางพรรค นายกฯ ต้องจัดการ เพราะจะทำให้สังคมเห็นว่าผู้มีอำนาจที่สุดใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สามารถจัดการได้

ทว่า คนใกล้ชิดของนายกฯ ไม่ว่าจะหลานชาย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนต้องตรวจสอบว่ามีการเกี่ยวพันหรือไม่ ขอให้มีการตรวจสอบก่อน อย่าทำตัวเหนือปัญหา ประชาชนจะไม่เชื่อถือ

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ นายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบโต้ว่าไม่มีพยานหลักฐานนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อภิปรายไปเป็นชั่วโมง มีการนำหลักฐานแชทข้อมูลยืนยันว่ามี ส.ว. เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหลังปี 2562 ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะมาจากการฟอกเงินธุรกิจสีเทา

“พลเอกประยุทธ์ ไม่คิดที่จะปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง วันนี้ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่จงใจให้ตนเองได้รับประโยชน์สูงสุด ยาเสพติดจะคู่กับการฟอกเงิน และคิดว่า ส.ว. จะเกี่ยวข้องเพียงคนเดียวหรือไม่”

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าไม่ทำอะไร ได้แต่ไหว้พระ สิ่งที่อภิปรายที่มีหลักฐานต่างๆ จะแนบข้อมูลส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แม้ ส.ว.อุปกิต มีการคุ้มกันอยู่ แต่หลังจบสมัยการประชุมการคุ้มกันจะหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเร่งดำเนินการจับกุมทันที ร้อยเอก ธรรมนัส หรือ พล.อ.ประวิตร จะเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องเร่งดำเนินการจัดการ หากเป็นนักการเมือง ขั้นต่ำอย่างน้อยต้องสอบสวนก่อน หลังเลือกตั้งรัฐบาลเปลี่ยนไป ไม่ต้องเกรงกลัว ดังนั้น นายกฯ ต้องเคารพกฎหมายให้ประชาชน กฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์เมื่อผู้นำปฏิบัติตาม

ขณะที่ประเด็นของหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ ที่เกี่ยวโยงกับ นายตู้ห่าว นั้น นายรังสิมันต์ เผยว่า เท่าที่ทราบได้มีการสอบในเรื่องนี้แล้ว แต่ข้อมูลยังไม่ถูกเผยต่อสาธารณชน และยืนยันจะยื่นเรื่องนี้อีกครั้งผ่านอัยการสูงสุดเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว

Related Posts

Send this to a friend