POLITICS

‘อนุทิน‘ หารือ สภาอุตสาหกรรมฯ รับฟังปัญหา และวางแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

‘อนุทิน‘ หารือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับฟังปัญหา และวางแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เผย ทูลเกล้าฯ ครม. สัปดาห์นี้ ย้ำต่อที่ประชุม ไม่เปิดด่านไทย – กัมพูชา ในตอนนี้ จนกว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติตามเงื่อนไข เหตุ ไทยไม่ได้เริ่มก่อน ชี้ เป็นรัฐบาลมา 6 ปี รู้ไส้ปัญหา นายกฯ – รมต. คนละพวกห่วงคะแนนตก ยึดสไตล์ทำงาน คนละพรรค แต่พวกเดียวกันสำคัญกว่า ขอฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมวางรากฐาน ลั่น จะบอกว่า “มีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ก็ได้”

วันนี้ (15 ก.ย. 68) เวลา 10:30 น. ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยว่าที่รัฐมนตรี อาทิ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมประชุมหารือรับฟังปัญหา และแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมไทย โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายอนุทิน เดินทางมาถึงได้แนะนำนายสุชาติ และนายธนกร ให้กับนางศุภจี พร้อมกล่าวว่า ให้ทำความรู้จักกันไว้เพราะนี่คือรัฐมนตรีของเรา โดยเมื่อถึงห้องประชุม บรรดาผู้ร่วมประชุมต่างปรบมือต้อนรับนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ ประธาน ส.อ.ท. ได้มอบกระเช้าแสดงความยินดี และอวยพรวันเกิดให้กับนายอนุทินที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวให้การต้อนรับ โดยระบุว่า ในนามของสภาอุตสาหกรรมฯ ตนและทีมงานทุกท่านรู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มาร่วมหารือกับ สอท. ในวันนี้ ซึ่งเมื่อสักครู่ก่อนเข้าห้องประชุม ตนได้แนะนำผู้บริหาร ส.อ.ท.ให้รู้จักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอแนะนำบางท่านที่ยังเหลืออยู่

จากนั้น นายอนุทิน ได้กล่าวเปิดการประชุม ว่า ในวงหารือวันนี้เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น รู้จักกันมานาน หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศต้องขับเคลื่อนให้ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข และจะมีการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ แต่เราคงไม่ปล่อยเวลาให้เสียประโยชน์ จึงได้ประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยรัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจต้องไปคู่กัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงในมิติอื่นๆ เช่น หากเศรษฐกิจดีคุณภาพชีวิตก็จะดี สังคมก็จะมีความสงบสุข

นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ วันนี้ต้องการมารับฟังข้อกังวลข้อเสนอแนะ จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้ประชุม ร่างการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเวลามีจำกัด ซึ่งแม้ยังไม่ได้ทำงานแต่หลังไมค์แล้วทำทุกอย่าง เพราะสไตล์ของพวกเราคือต้องทำงานเร็ว นโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นมุ่งเน้น แก้ไขเศรษฐกิจระยะสั้น วางรากฐานเพื่อการต่อยอด ให้มีความมั่นคงต่อไปในระยะยาว ซึ่งปัญหาเฉพาะหน้า เราให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา โดยเฉพาะปัญหาของผู้ประกอบการ แต่ไทยกัมพูชาก็ต้องมีการค้าขายกันอยู่

นายอนุทิน ยืนยันว่า แต่ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันนี้ เงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ การที่เราจะต้องรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิของประเทศ การเปิดด่านจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้ ซึ่งก่อนจะเกิดสิ่งเหล่านั้นก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่เราเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ต้องพูดให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล อย่างไรก็ตามเราต้องใช้ทุกวิธี เช่นการทหาร การทูต และหารือกับฝ่ายกัมพูชา ใช้องคาพยพทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหา ของ 2 ประเทศ โดยเร็วที่สุด

ส่วนในเรื่องของผู้ประกอบการ ที่อยู่ในโครงการ Thailand Plus One ในส่วนของ กลุ่มประเทศ CLMV มีแนวคิดที่จะต้อง matching กับเรา โดยเฉพาะ Local Content ที่เราเคยทำกับประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องลงทุนผลิตในประเทศไทยแทน ดังนั้นคำว่า Local Content เป็นคำที่พวกเราต้องให้การสนับสนุน และให้ความสำคัญมากด้วยการเจรจากับประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเรา ว่าเขามีข้อกำหนดมา ถือว่าประเทศไทยเรา ไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่น แต่ยังมีเงื่อนไข โดยเฉพาะ Local Content ที่กำหนดเงื่อนไขมา ตนมองว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ซึ่งทำให้เราสามารถผลิตสินค้าส่งไปสหรัฐอเมริกาได้ และหากมีปัญหาก็ควรต้องส่งเสริมการลงทุนเพิ่มมากขึ้น

อีกทั้ง ตนเองมองว่า เรื่องนี้ไม่แปลก เพราะเมื่อ 20-30 ปีก่อน ที่ไทยเราเริ่มอุตสาหกรรม OEM แต่ครั้งนี้อย่าให้เป็นการรับจ้างทำของ หรือจ้างประกอบ เราต้องเริ่มตั้งแต่ เปิดช่องทางเศรษฐกิจ ถือเป็นโอกาส ให้ไทยขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้วางรากฐานเอาไว้ ของการขยายตัวอุตสาหกรรมของประเทศไทย ซึ่งมองว่า เรายังไม่ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการชะลอตัว ซึ่งตอนนี้เราต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เพราะคู่แข่งข้างนอกเกิดมากขึ้น เช่น เวียดนาม และกัมพูชา ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า บางครั้งต้องยอมรับ ว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้รัฐบาลชุดนี้เข้ามา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะทำให้เห็นว่า จะทำให้เป็นตัวอย่าง ให้เห็นว่าเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาล ที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้

“ที่ผ่านมาผมอยู่มา 6 ปี เห็นปัญหาเยอะแยะ ที่สำคัญ การหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เอาตรงนี้เสนอขึ้นมา เช่น พรรคนี้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม แต่นายกฯ เป็นคนละพรรคกัน ก็ไม่สนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะกลัวคะแนนตก ไปที่พรรคอื่น ซึ่งขอเรียนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของตน เพราะถือคติ คนละพรรคแต่พวกเดียวกันสำคัญกว่า พรรคเดียวกันคนละพวก” นายอนุทิน กล่าว

นอกจากนี้ นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนอยู่ภาคเอกชนมาก่อน มีความเชื่อมั่น ถ้าเศรษฐกิจดี ประเด็นอื่นเป็นเรื่องเล็ก จะบอกว่า คนมีกินมีใช้ หรือมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจังหวะนั้น ผู้ร่วมประชุมหัวเราะขึ้นมา ซึ่งนายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตน และทีมงานของตนจะเร่งให้เกิดการวางรากฐาน ให้ได้มากที่สุดด้วยสไตล์การทำงานยึดภาพรวมเป็นหลัก ไม่ยึดภาพตัวเองเป็นหลัก ขอให้มั่นใจอะไรที่ดีต่อส่วนรวมจะใช้อำนาจหน้าที่ ของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ช่วยผลักดันความคาดหวังของพวกท่านให้เกิดความสำเร็จ

Related Posts

Send this to a friend