POLITICS

‘พิธา’ ประกาศชัยชนะ จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านเดิม 6 พรรค เผยต่อ สายหา ‘อุ๊งอิ๊ง’ เจรจาร่วมรัฐบาลแล้ว

‘พิธา’ ประกาศชัยชนะ จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านเดิม 6 พรรค ก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาชาติ-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย-เป็นธรรม รวม 309 เสียง ปิดประตูตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เผยต่อ สายหา ‘อุ๊งอิ๊ง’ เจรจาร่วมรัฐบาลแล้ว เตรียมตั้งทีมเจรจา นัดวันเซ็น MOU ประกาศนโยบายที่จะดำเนินการ บอกพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ ควบ ‘กลาโหม’ ไม่กังวล ส.ว.ยึกยัก ไม่โหวตสนับสนุน มั่นใจวุฒิสภาไม่กล้าฝืนฉันทามติประชาชน

วันนี้ (15 พ.ค. 66) เวลา 12.00 น. ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงประกาศชัยชนะ และความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล ว่า สวัสดีพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนต่อไปของประเทศไทย เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคนไทยได้แสดงเจตจำนงค์ผ่านคูหาเลือกตั้งให้ก้าวไกล ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ของการเลือกตั้ง

ขอประกาศว่าพรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป นี่คือการน้อมรับฉันทามติจากประชาชน พลิกขั้วเปลี่ยนข้างจากฝ่ายค้านเดิมในการจัดตั้งรัฐบาล และตนพร้อมที่เป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน พร้อมฟังความเห็นที่แตกแต่าง และความเห็นที่แตกต่างจะทำให้ตนเป็นนายกฯที่ดีขึ้นในอนาคต ตอนนี้เราพร้อมเคารพ และให้เกียรติต่อยอดกับการต่อสู้ทุกฝ่ายที่ผ่านมาเพื่อประชาธิปไตย เราพร้อมคืนศรัทธาให้กับระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา สร้างความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพให้กับการเมืองไทย และผู้แทนราษฎรทุกคน

นายพิธา กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสโทรศัพท์ติดต่อแกนนำ 5 พรรค มีทั้งที่ตนติดต่อไป และแกนนำทางนั้นติดต่อมา ทางพรรคก้าวไกล มีโอกาสโทรศัพท์หา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แสดงความยินดี กับความมุ่งมั่นในการเดินหาเสียงแม้จะมีบทบาทความเป็นแม่แต่ก็ทำได้ดีเยี่ยม และไร้ที่ติ และเชิญชวนพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมตามที่เคยได้สัญญาไว้กับประชาชน

โดย 5 พรรคที่พูดถึงมีพรรคก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย 308 เสียง และกำลังติดต่อ พรรคเป็นธรรม อีก 1 พรรค รวมเป็นเสียง 309 เสียง ซึ่งคิดว่าเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ถือเป็นการที่ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนต้องน้อมรับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนมาปฏิบัติ และชัดเจนว่าเป็นการปิดประตูการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นที่แน่แท้แล้ว

นายพิธา กล่าวว่า การทำงานจะมีอยู่ 2-3 ส่วน 1 การเจรจาจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลจะนำโรดแม็ปที่สัญญาไว้กับประชาชน ก่อนการเลือกตั้งเพื่อคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ทำประชามติให้มี ส.ส.ร.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และพัฒนาเศรษฐกิจ ในการสร้างความเจริญเติบโตให้เศรษฐกิจด้วยและลดความเหลื่อมล้ำไปในคราวเดียวกัน

นอกจากนี้ พร้อมตั้งทีมงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ต้องมีคณะทำงานตรงนี้ร่วมกับทุกพรรค เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ เปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างมีรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ และจะมีการเดินสายพบประชาชน ภาคประชาสังคม พี่น้องข้าราชการ ภาคธุรกิจ และทุกภาคส่วน

นายพิธา กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่ยังไม่เข้าใจกับนโยบายพรรค เพื่อให้ทำงานกับทุกภาคส่วนได้ และพาประเทศไทยไปสู่อนาคต สู่การเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ มีอุดมการณ์ที่พวกเราถวิลหากันทุกคน

ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่าย และเดินทางไปขอบคุณประชาชน ในกทม.ก่อน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาค จะรีบเร่ง เพื่อตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีสูญญากาศทางการเมือง หรือสูญญากาศทางเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้มีความไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยงใดๆ ต่อประเทศไทย ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของพรรค เราจะทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ รวดเร็ว เพื่อประชาชนคนไทยทุกคน

เมื่อถามว่ากังวลเสียง ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกหรือไม่ นายพิธากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าไม่กังวล เพราะผลการเลือกตั้งเป็นฉันทามติของประชาชน ที่ทุกฝ่ายควรจะน้อมรับ การฝืนประชามติของประชาชนไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใด

เมื่อถามว่าทำไมไม่รวมเสียง ส.ส.ให้ได้จนปิดสวิตซ์ ส.ว. นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็น ตอนนี้สิ่งที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชน ถ้ารวมกันได้ 300 กว่าเสียงในระบอบการเมืองที่เป็นปกติก็ไม่มีปัญหา ตนคิดว่าไม่มีใครฝ่าฝืนประชามติ เนื่องจากประชาชนได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร

ส่วนที่จำนวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลใกล้เคียงกัน ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเป็นของใคร นายพิธาตอบว่า สิ่งสำคัญคือการปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่ได้อยู่ที่กระทรวง จะใช้เรื่องนี้เป็นตัวเจรจา ตนพร้อมนั่งเป็นนายกฯ หรือถ้ามีความจำเป็นนั่งควบในกระทรวงต่างๆก็พร้อมนั่งควบทุกตำแหน่ง แต่ถ้ามีคนเหมาะสม ตนก็ไม่มีปัญหา

นายพิธา กล่าวว่า ส่วนจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ขณะนี้ทุกเรื่องยังไม่คุยในรายละเอียดกับแต่ละพรรค แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา112 สามารถทำได้ในสภา ตอนนี้พรรคก้าวไกลมี 151 เสียง ถือว่าเกินที่สามารถเสนอได้ โดยใช้สภาเป็นตัวแก้ไข แต่ที่มากกว่าการแก้ไขคือ ทบทวนผู้ได้รับผลกระทบจากคดีการเมืองทั้งหมด และโอกาสนิรโทษกรรม เพราะเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่กับสถาบัน ถ้าไม่รีบพูดคุย อาจเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ของการเมืองไทยที่ตนไม่อยากเห็น

ผู้สื่อข่าวว่า กังวลเรื่องคดีการถือหุ้นสื่อที่อยู่ในกกต.หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ไม่กังวล พร้อมชี้แจงต่อกกต.ขอเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้

เมื่อถามว่าเหตุใดไม่นำพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเด็ดขาดในการปิดสวิตซ์ส.ว. นายพิธาตอบว่า ไม่จำเป็น การที่ขั้วฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล 300 กว่าเสียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทามติประชาชน และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้โทรมาหา

Related Posts

Send this to a friend