POLITICS

‘ปารมี’ เสียดาย สส.ไม่น่าเล่นเกมการเมือง ปัดตก กมธ.วิสามัญแก้ปัญหาเด็กไร้สัญชาติ รหัส G

‘ปารมี’ เสียดาย สส.ไม่น่าเล่นเกมการเมือง ปัดตก กมธ.วิสามัญแก้ปัญหาเด็กไร้สัญชาติ รหัส G ย้ำเรื่องนี้กว้างกว่างานกระทรวงศึกษาฯ โยนตั้ง อนุกรรมาธิการศักดิ์ศรีน้อยกว่า เผยเด็กรหัส G เดินทางออกนอกอำเภอไม่ได้-ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาล เสียใจ สส.หลายคนอภิปรายสนับสนุนแต่โหวตไม่เห็นชอบ

วันนี้ (19 ต.ค. 66) ปารมี ไวจงเจริญ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขปัญหาเด็กไร้สัญชาติ (เด็กติด G) ที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติคว่ำญัตติดังกล่าวเมื่อวานนี้ และมอบหมายให้คณะกรรมาธิการการศึกษาดำเนินการแทน โดยในการประชุมเมื่อวานนี้มีสมาชิกหลายคนอภิปรายสนับสนุนความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ก็โหวตไม่เห็นชอบนั้น

ปารมี ระบุว่า ตนรู้สึกเสียใจมาก แต่ยังมีหวังและพร้อมผลักดันต่อ ตนมีความเคลือบแคลงใจนิดๆว่า สส.ที่มาลงชื่ออภิปราย ทุกคนเห็นด้วยหมดไม่มีใครคัดค้านเลยแต่พอลงมติทำไมกลับสวนทางกับสิ่งที่อภิปรายออกมาลงมติไม่เห็นชอบให้ตั้ง กมธ.วิสามัญ ทั้งที่จะเป็นทางทะลุทะลวงท่อที่ตัน คืนสิทธิให้กับนักเรียนรหัส G นักเรียนที่ไม่มีสถานะตามทะเบียนราษฎร์ ตนไม่เข้าใจว่า สส.ไม่เห็นชอบกันเลย และขอยืนยันว่าตนจะผลักดันต่อในฐานะกรรมาธิการการศึกษา เพียงแต่ว่าที่อยากให้ตั้ง กมธ.วิสามัญ เพราะด้วยศักดิ์ศรีและหน้าที่ของ กมธ.วิสามัญ จะมีสูงกว่าคณะอนุกรรมมาธิการ เพราะสภามีมติส่งให้กรรมาธิการสามัญคือกรรมาธิการการศึกษาดำเนินการต่อ ชื่อก็บอกแล้วว่าอนุแปลว่ามันเล็กกว่า อำนาจในการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงก็น้อยกว่า กมธ.วิสามัญ ตนจึงรู้สึกเสียใจตรงนี้ แต่จะขอผลักดันต่อในการที่จะให้ตั้งอนุกรรมมาธิการด้านนี้ให้ได้

ปารมี เผยว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการการศึกษาวันนี้ ตนจะขอเสนอเรื่องการตั้งคณะอนุกรรมมาธิการแก้ปัญหาเด็กไร้สัญชาติเป็นวาระเร่งด่วน พร้อมจะผลักดันเต็มที่ให้เกิดการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้

ปารมี ย้ำว่า ปัญหาเด็กที่มีรหัส G ไม่ได้มีปัญหาแค่สิทธิด้านการศึกษา แต่ยังมีปัญหาเรื่องสิทธิด้านการเดินทางนักเรียนที่ได้รหัส G จากกระทรวงศึกษาธิการ ไม่สามารถเดินทางออกนอกอำเภอได้ ตนเคยเจอกรณีนักเรียนต้องการจะเดินทางไปสอบเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย น้ำตาไหลเพราะไม่สามารถออกไปสมัครเรียนต่อหรือสอบเพื่อนำคะแนนไปศึกษาต่อได้ ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก่อน ซึ่งเป็นที่มาของการทุจริตเรียกรับส่วย

นอกจากนี้ยังมีปัญหาในสิทธิการรักษาพยาบาลด้วย เพราะนักเรียนรหัส G ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษาหลักประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค และยังถูกจำกัดสิทธิ์อื่นๆอีก ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ แต่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานมาก ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ เป็นต้น เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน การนำเข้า กมธ.การศึกษา ไม่เพียงพอ

“ดิฉันก็เข้าใจว่า ถ้ามีการตั้งคณะอนุกรรมมาธิการขึ้นมา ก็จะมีการเรียกปลัดกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง แต่ดิฉันหวั่นเกรงว่าเมื่อเป็นอนุที่อยู่ในกรรมาธิการการศึกษา กระทรวงอื่นๆเขาจะไม่มา แต่ถ้าตั้งเป็น กมธ.วิสามัญในนามสภาผู้แทนราษฎร ศักดิ์ศรี อำนาจ มันมากกว่าจึงเป็นที่น่าเสียดายมาก” ปารมี กล่าว

ปารมี กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันจะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในประเด็นนี้ และยังรู้สึกเสียดายที่เรื่องนี้ไม่น่าถูกมองเป็นเกมการเมือง ตอนอภิปรายสนับสนุนกันเต็มที่ แต่พอตอนลงมติโหวตกลับไม่เห็นด้วย มันไม่ควรแบ่งเป็นพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ชวนมาทำเพื่อเด็กตาดำๆกันเถอะ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าเป็นการสกัดเพื่อไปให้เรื่องนี้เป็นผลงานของพรรคก้าวไกลหรือไม่ ปารมี กล่าวว่า ตนไม่อาจคิดเป็นอื่นได้ คิดว่าน่าจะเป็นแนวๆนั้น เหมือนว่าพอเป็นอะไรที่พรรคก้าวไกลทำ แม้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนก็ไม่ให้ทำ เป็นเกมการเมืองมากเกินไป ขอให้ลดเกมการเมืองลงแล้วใช้หัวใจทำงานกัน

Related Posts

Send this to a friend