POLITICS

‘เศรษฐา’ รับ ‘เพื่อไทย’ ไม่ขัดแย้งใคร ยินดีต้อนรับคนไหลเข้าพรรค

‘เศรษฐา’ ถูกใจวลี พล.อ.ประวิตร “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” รับ ‘เพื่อไทย’ ไม่ขัดแย้งใคร ยินดีต้อนรับคนไหลเข้าพรรค เชื่อทุกคนจะช่วยดันถึงจุดมุ่งหมาย

วันนี้ (15 มี.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงการเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร (กทม.)

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกจดหมายเปิดผนึกบทสรุปการก้าวข้ามความขัดแย้ง นายเศรษฐา ตอบว่า ยังไม่ได้อ่านจดหมายฉบับเต็ม แต่เมื่อได้ยินคำว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และส่วนตัวชอบคำดังกล่าว ซึ่งพลเอก ประวิตร ได้พูดมาหลายครั้งแล้ว

นายเศรษฐา ย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีความขัดแย้งกับใคร แต่มีข้อขัดแย้งกับความยากจน ความไม่เสมอภาค และความเท่าเทียม จากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะเร่งกลั่นกรองนโยบายที่โดนใจประชาชน

เมื่อถามว่า เช่นนั้นแล้ว พรรคพลังประชารัฐ เป็นทางออกของประเทศหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ส่วนตัวไม่ได้ดูและไม่ได้คิดว่าเป็นพรรคไหน อย่างไร เพียงแต่ดูเฉพาะพรรคเพื่อไทยเท่านั้นว่า มีจุดมุ่งหมายให้ได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ช่วงนี้ก็เป็นช่วงการจัดทำนโยบายเผยแพร่กับประชาชน

นอกจากนี้ ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ยังให้ความเห็นถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณราว 1.7 แสนล้านบาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการซื้อเสียงประชาชนก่อนการเลือกตั้งว่า ดูเป็นงบประมาณที่เยอะอยู่ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องดูในเรื่องของการบริหารจัดการ และติดตามนโยบายว่าทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ น่าจะมีการตรวจสอบอยู่แล้ว หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจให้ไปทำงานในสภาฯ ในจำนวนที่มาก เชื่อว่าการได้ตรวจสอบอย่างเข้มแข็งก็สามารถทำต่อได้

เมื่อถามว่า การอนุมัติงบประมาณให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นการหาเสียงหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ตอบว่า พี่น้องประชาชนทุกคนเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ อบต. ซึ่งการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดูด้วยว่าวินัยการเงินการคลังของประเทศอยู่ตรงไหน ส่วนตัวขณะนี้ยังไม่ได้ดูตัวเลขวินัยการเงินการคลังของประเทศ แต่ต้องดูว่าเมื่อใช้จ่ายไปแล้ว ภาครัฐจะได้รับงบประมาณกลับมาอย่างไร หรือมีรายได้เข้ามาอย่างไร จึงจะต้องดูองค์รวมทั้งหมด ไม่สามารถให้ความเห็นได้ในตอนนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีนักการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคพลังประชารัฐ เตรียมลาออก และมาสังกัดพรรคเพื่อไทย จะเป็นการตอกย้ำเป้าหมาย 310 เสียงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะนำเสนอออกมาให้ประชาชน จะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย ยุทธศาสตร์การเมืองใช้นโยบายนำ เพราะนโยบายของเราทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น ดังนั้น นโยบายเป็นเรื่องหลัก ส่วนตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นคนที่ย้ายพรรคมา หรือจะเป็น ส.ส. ในพื้นที่ นายเศรษฐา เชื่อว่า ทุกคนมีความเชื่อในนโยบายพรรคเพื่อไทย และจะช่วยกันไปจะถึงจุดมุ่งหมาย และยินดีต้อนรับ

Related Posts

Send this to a friend