KNOWLEDGE

เซ็นทรัลพัฒนา จัด ‘LEAD รุ่นที่ 4′ ยกระดับผู้ประกอบการไทยเติบโตอย่างยั่งยืน เรียนจริง ทำจริง โตจริง

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนา จัดทำหลักสูตร ‘LEAD รุ่นที่ 4 หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญ ของเซ็นทรัลพัฒนา ในการสร้างโอกาสพัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการรีเทลของไทย โดยโครงการ LEAD ไม่ใช่แค่คอร์สการเรียนรู้ แต่เป็นหนึ่งใน Business Strategy ที่สำคัญของบริษัทในการนำพา ผู้ประกอบการใหม่ๆ เข้าสู่ Business Ecosystem ที่แข็งแกร่ง โดยเน้นการ ‘เรียนจริง-ทำจริง-โตจริง’ พร้อมลงมือทดลองเปิดร้านขายจริง ผ่านเวิร์คช็อป Pop-up Market ซึ่งเป็นจุดเด่นของคอร์ส LEAD ที่เดียวเท่านั้น ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดลองทำ Brand Co-Creation กับเพื่อนร่วมคลาส ได้ทดลองตลาดใหม่ ครีเอทไอเดียพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ แล้วทดลองขายจริง บนพื้นที่ศูนย์การค้า Prime location ของเซ็นทรัลพัฒนา

ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ SMEs และมีนโยบายในการ allocate พื้นที่ 10% ของศูนย์การค้าให้กับ SMEs ได้เข้ามาค้าขาย เราเป็นแพลตฟอร์มที่ดึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ของเซ็นทรัลกรุ๊ป โดยมีการคัดเลือกแบรนด์ที่มี potential เติบโต มีพื้นฐานการทำธุรกิจ โดยเราจะทำหน้าที่เป็น Business Incubator ช่วยให้แบรนด์แข็งแรงขึ้น

จุดเด่นของคอร์ส LEAD นั้น เราเน้นเรียนจริง ทำจริง ออกมาเปิดร้านเติบโตได้จริงกับเรา โดยได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีอาจารย์เอม หรือ ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ Program Director ของโครงการ LEAD ออกแบบหลักสูตรรีเทล ที่ตอบโจทย์ธุรกิจแบบทันยุคสมัย โดยในแต่ละปีหลักสูตรจะไม่เหมือนกัน จะปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปี และเลือกกูรูที่มาสอนให้ตอบโจทย์เทรนด์ในยุคนั้น”

สำหรับ 7 สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำ ผู้ประกอบการ SMEs ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คือ

1.Passion สำคัญมากในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

2.Opportunities ต้องพาแบรนด์เข้าไปอยู่ใน Environment หรือ Business ecosystem ที่ช่วยให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

3.Target opportunities เข้าใจทาร์เก็ตของตัวเองได้ดี สามารถ match ทาร์เก็ตกรุ๊ปที่ใช่กับสินค้าและโลเคชั่นที่เราขายได้

4.Product valuation ต้องเข้าใจ value ของ product ตัวเอง รู้ position ในตลาด ทำให้สินค้าของเราดึงดูดและต่างกับสินค้าอื่น

5.Open-minded การทำธุรกิจคนเดียวไม่สามารถ ประสบความสำเร็จได้โดยไม่มี Partner และการทำ co-creation ร่วมกับแบรนด์อื่น ช่วยให้เกิด New product, New development สร้าง New opportunities อาทิ การทำการขายแบบ Omni-channel เพราะแต่ละแพลตฟอร์มตอบโจทย์ต่างกัน และ สุดท้าย

6.Branding รวมทั้ง CRM เพื่อสร้าง Engagement และ Connect กับลูกค้าช่วย Sustain ฐานลูกค้าได้

7.Management ผู้ประกอบการ ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการหลังบ้าน เช่น Profit & Lost, Cash Management, Stock Management”

“ปัจจุบันโครงการ “LEAD” จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว และมีเครือข่ายแบรนด์รุ่นใหม่ จากโครงการ LEAD ทั้ง 4 รุ่นรวมกว่า 150 แบรนด์ และกว่า 70% ของผู้ร่วมหลักสูตรประสบความสำเร็จ ต่อยอดขยายธุรกิจได้จริง โดยมีการขยายหน้าร้านไปแล้วกว่า 600 ร้านค้า คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 30,000 ตรม. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ มีมูลค่าการเติบโตของธุรกิจมากกว่า 1,800 ล้านบาท ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Fresh Me,Gentlewomen,With it,Ravipa, Moshi Moshi,Salad Factory,Beautrium ฯลฯ

ด้าน ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ Program Director ผู้ออกแบบหลักสูตร LEAD ตั้งแต่รุ่นที่ 1 กล่าวว่า “หลักสูตร LEAD ช่วยดึงศักยภาพของแบรนด์มาปั้นต่อ เรามองหาจุดแข็งของแบรนด์ แล้วดึงให้สุด พัฒนาต่อยอดศักยภาพ และเน้นปฏิบัติจริงไม่ใช่แค่การนำเสนอเคสธุรกิจ โดยเซ็นทรัลพัฒนามีพื้นที่ให้ทดลองทำจริง วัดผลสำเร็จด้วยการทำยอดขายจริง ในเวิร์คช็อป Pop-up market ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพื่อให้ผู้เรียนทดลองตลาดใหม่ สินค้าใหม่ได้ทันที จนหลายแบรนด์สเกลอัพธุรกิจได้เลยตั้งแต่ตอนเรียน ไม่ต้องรอทำหลังจบหลักสูตร ที่สำคัญคอร์ส LEAD สอนให้เรียนรู้การทำ Co-Creation ร่วมกับแบรนด์อื่นได้มุมมองใหม่ๆ เหมือนเป็น Fast track สำหรับธุรกิจ SMEs ในการได้พื้นที่สำหรับทดลองจริง ได้ลองผิดลองถูก โดยมีเราคอยให้คำแนะนำ ทำให้แบรนด์รู้ทิศทางว่าควรไปต่อตรงไหน และนำประสบการณ์ที่ได้ไปต่อยอดกับธุรกิจได้จริง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน”

“สำหรับรุ่นต่อไปรุ่นที่ 5 เราตั้งใจจะ curated the new success ให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งหลักสูตรจะเข้มข้นขึ้น ปรับอะไรใหม่ๆมากขึ้น เน้นเรื่องความสำเร็จในยุคใหม่ new success in another era เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว เราจะ blend in business and lifestyle เข้าด้วยกัน ทั้งเรื่อง art, culture และสิ่งแวดล้อม ที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น”

สำหรับตัวอย่างความสำเร็จของ 5 แบรนด์ จากกว่า 30 แบรนด์ที่ร่วมในคอร์ส LEAD รุ่นที่ 4 ประกอบด้วย

1.สุรีย์พร พูนศักดิ์ไพศาล เจ้าของแบรนด์ชาใต้ ‘ชงดี’ ที่แตกแบรนด์มาจากร้านซาลาเปาโกอ้วนจากหาดใหญ่ โดยเปิดร้านแรกในกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเติบโตขยายสาขาไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล จนปัจจุบันมี 20 สาขาแล้ว

2.กัญญาณัฐ ปิยะชัยวุฒิ เจ้าของแบรนด์เสื้อยืด Nineties Design จากเดิมที่ขายในออนไลน์ พอมีโอกาสได้เข้ามาขายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเติบโตขยายสาขาได้ถึง 20 สาขา หลังจากมาเรียนกับคอร์ส LEAD

3.พลาวุฒิ เจริญจิตมั่น เจ้าของแบรนด์เครื่องครัว Amatas ที่เข้ามาร่วมคอร์ส LEAD เพราะมองว่าเซ็นทรัลคือเบอร์หนึ่งด้านรีเทล เราอยากมาเรียนรู้กับคนที่รู้จริง มี platform ทุกอย่างที่พร้อม พอได้มาเรียนเลยสร้างแบรนด์ใหม่ ขึ้นมาชื่อว่า AMATAS จากการได้มาเรียนกับคอร์ส LEAD

4.ชนิกานต์ ตันบุญเพิ่ม เจ้าของร้านช็อกโกแลต Tempered Co. และเป็นโรงคั่วช็อคโกแลตเจ้าแรกในประเทศไทย ที่มีโอกาสมาเรียนกับ LEAD และได้ลองออก Pop up Market ได้ลองเทสต์ตลาด ได้เจอกับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นำโพรดัคใหม่มาทดลองขาย แล้วฟีดแบคดี ขายดีมาก ทำให้เราเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ ไปได้อีกหลายโมเดล เช่น chocolate bar, chocolate café,

5.นวัต ศักดิ์ศิริศิลป์ เจ้าของแบรนด์ Moreover ของแต่งบ้านสไตล์มินิมอล พอได้มาเรียนกับ LEAD ทำให้เราขยายจุดจำหน่ายได้จาก 15 จุด เป็น 20-30 จุด เกิดจากเราเข้าใจการจัดการสต็อกได้ดีขึ้น และได้เปิดมุมมองใหม่ๆ เพราะเรามาจากการเป็นดีไซเนอร์ เราจะเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจไม่เต็มร้อย พอได้เรียนรู้จากเพื่อนในคอร์ส เรียนรู้การจัดการหลังบ้าน และเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ทำให้เราเกิดไอเดียพัฒนา business model ใหม่

Related Posts

Send this to a friend