POLITICS

สร้างความสมดุลชีวิตและการทำงาน ต้องสั่งสมประสบการณ์ รักในสิ่งที่ทำและต้องรู้จักเป็นผู้ให้

ธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการหลักสูตร สถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจ (ABC) มหาวิทยาลัยศรีปทุม และศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยถึงเศรษฐศาสตร์แห่งการเลือกงาน และหลักการลงทุนให้ชีวิต เพื่อสร้างความสมดุลชีวิตและการทำงาน และหากคนรุ่นใหม่อยากมีชีวิตที่ออกแบบได้ ต้องสั่งสมประสบการณ์ มีทักษะที่ตลาดต้องการ มีเครือข่ายที่ดี และต้องมีความโดดเด่น เพื่อให้เป็น “ผู้ถูกเลือก”

ธนา กล่าวว่า “เริ่มต้นที่เริ่มคิด Work life balance ตั้งแต่อายุน้อยๆ จะเสี่ยงกว่าคนที่ทำประสบความสำเร็จ โลกนี้มันโหดร้าย หากไม่ชอบทำงาน ไม่มี Passion อยากมีเวลาไปเที่ยว เห็นคนอื่นได้ใช้ชีวิต แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องลงทุน ไม่ได้มาฟรีๆต้องมีเงินเก็บพอสมควร ถึงเวลานั้นเราจึงจะเริ่มเลือกได้ ขณะเดียวกันหลายคนมองว่า Work life balance คือ การได้ทำในสิ่งที่ชอบด้วย Passion แต่ความจริงมีเพียงไม่กี่คน ที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบจริงๆ เช่น บางคนอาจจะชอบดนตรี แต่ได้เป็นนักบัญชี ดังนั้นคนส่วนใหญ่ต้องมีคำว่า ฉันทะ คือ “ชอบในสิ่งที่ทำ” ทำอย่างไรจะสนุกกับงานได้ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้มากทุกช่วงอายุ คือ ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนก็ต้อง “พักผ่อนให้เพียงพอ” และ “ออกกำลังกาย” จะช่วยให้อารมณ์ดี อดทนกับงานหนักได้ดีขึ้น แล้วเราจะไม่มีคำถามกับเรื่องเหล่านี้ คนที่มีคำถามกับเรื่องพวกนี้ ก็เพราะเกลียดในสิ่งที่ทำอยู่ และไม่มีทางเลือก นอกจากนี้ “ชีวิตที่ออกแบบได้” เป็นชีวิตที่หลายคนปรารถนา แต่แน่นอนว่าในช่วงที่ชีวิตยังออกแบบไม่ได้ ก็ต้องทำงานหนัก เพื่อดิ้นรนให้ชีวิตรอด มีปัจจัยสี่และมีทางเลือก แต่การที่เราจะมีทางเลือกนั้น อาจต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น คือการทำตัวเองให้เป็น “ผู้ถูกเลือก”

สิ่งที่ทำให้เราเป็นผู้ถูกเลือกได้ ต้องมีทักษะที่ตลาดต้องการ มีเครือข่ายที่ดี โลกนี้เป็นโลกที่คนปานกลางไม่ค่อยรอด แต่ต้องมีความโดดเด่นอะไรบางอย่าง ดังนั้นในช่วง 5-10 ปี ต้องสะสมสิ่งเหล่านี้ แม้คนที่จบเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน เริ่มงานเงินเดือนเท่ากัน แต่ผ่านไป 10 ปี ก็ยังมีทักษะที่ไม่เท่ากัน เพราะแต่ละคนผ่านประสบการณ์ไม่เหมือนกัน การที่จะมีคนสอน มีผู้ใหญ่เอ็นดู ได้ทำงานที่ดี มีประสบการณ์เยอะ ช่วงแรกๆเงินอาจจะน้อย แต่ทำอย่างไรให้คนอุปถัมภ์ค้ำชู ให้เราได้โปรเจกต์ดีๆสอนงานเรา ซึ่งก็ต้องย้อนกลับมามองว่าเราเป็นคนนิสัยอย่างไร คนไม่ดีก็คงไม่มีใครอยากช่วย ดังนั้นหากจะเริ่มต้น 10 ปีให้ชนะคนอื่น ก็ต้องกลับมาที่ตัวเอง

เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณเราอาจเห็นหลายคนที่ยังคงทำงาน แม้จะมีทุกอย่างครบและสามารถออกแบบชีวิตตัวเองได้ ดังนั้นเกษียณหรือไม่เกษียณ อยู่ที่ความพร้อมของใจและเงิน เรามองว่าความสุข คืออะไรมากกว่า บางคนถามเศรษฐีที่มีเงินหมื่นล้าน ว่าทำไมเขาไม่รีไทร์ แต่เขาไม่ได้ต้องการหาเงินเพื่อมาใช้เงิน บางคนใช้เงินแบบสมถะไม่ฟุ่มเฟือย ถามว่าทำไมต้องทำงาน เพราะมันคือ “ความสุข” เป็น Passion บางคนอาจจะชอบอ่านหนังสือ ชอบทำงาน ชอบความสำเร็จ เขาจึงมีความสุขที่จะตื่นมาทุกเช้า และได้ทำงาน เห็นความสำเร็จ ซึ่งมันทำให้เขามีชีวิตที่ตื่นเช้ามาแล้วตื่นเต้น

ในหลักของเศรษฐศาสตร์เรามักจะคิดว่า ทรัพยากรมีจำกัดเราต้องใช้เวลาจำกัด วิธีการคิด ทุกอย่างจำกัด ทำให้ต้องแสวงหาสิ่งที่ผลตอนแทนเยอะ ถึงจะคุ้มกับสิ่งที่เราทุ่มเท แต่อยากจะลองให้ไอเดียเรื่องผลตอบแทน ที่อาจจะไม่ใช่เงินอย่างเดียว คือ Currency ในชีวิต มองว่ามี 3 อย่าง คือ “เงิน” แน่นอนว่าเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่บางช่วงอาจจะสำคัญมาก ถัดมา “ประสบการณ์” ที่ช่วยเราได้เยอะในระยะยาว พอมีประสบการณ์เราจะรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ตัวตนเด่นขึ้น ฉลาด ทำอะไรได้มากขึ้น และสุดท้าย “การสะสมคำขอบคุณ” การสร้างเครือข่าย และการรู้จักเป็นผู้ให้ (Giver) ทำให้เรามีเพื่อนฝูง และอยู่ในกลุ่มคน Giver เพราะเราเป็น Giver ก่อน เป็นการสะสมคำขอบคุณ และทำให้เรามีความสุข หรือ เรียกว่า การปลูกต้นไม้”

Related Posts

Send this to a friend