ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่นัดลงมติ หรือวินิจฉัยคดี ’พิธา ถือหุ้นสื่อ – ก้าวไกล‘

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดี ’พิธา‘ ถือหุ้นสื่อ – ก้าวไกล เสนอนโยบายแก้ ม.112 ต่อจากครั้งที่แล้ว ยังไม่นัดลงมติ หรือวินิจฉัยคดี
วันนี้ (14 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย. 66) ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมประจำสัปดาห์ตามปกติ โดยมีวาระที่น่าสนใจ คือ การนัดพิจารณาคดีต่อกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล (ก.ก.) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 และนายพิธา ผู้ถูกร้องได้ยื่นขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจำนวน 2 ครั้งๆ ละ 30 วัน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตตามคำขอนายพิธายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ดำเนินกระบวนพิจารณามาแล้ว 11 ครั้ง เรียกให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐานจำนวน 12 ราย
รวมทั้งคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของพระพุทธะอิสระ ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขณะนั้น ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ โดยคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 และดำเนินกระบวนพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานมาแล้ว 37 ครั้ง และผู้ถูกร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีระบุพยานบุคคลฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2566 และบัญชีระบุพยานบุคคลเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ฉบับลงวันที่ 18 ตุลาคม 2566
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในวันพรุ่งนี้เป็นการนัดประชุมเพื่อวางแนวทางและหลักเกณฑ์ของการพิจารณาคดีเท่านั้น ยังไม่ได้นัดลงมติหรือวินิจฉัยคดี ส่วนจะมีการเรียกพยานเอกสารเพิ่มเติมหรือออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานเพื่อประกอบการพิจารณาคดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่าเอกสารและข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่